ผลงานการรักษาของหมอชีวก โกมารภัจจ์

 ผลงานการรักษาของหมอชีวก โกมารภัจจ์

เมื่อหมอชีวกโกมารภัจจ์ ได้จบการศึกษาแล้ว อาจารย์ทิศาปาโมกข์ ให้อาหารน้ำและเสบียงเดินทางมาอย่างจำกัดด้วยหวังว่า หากเสบียงเดินทางหมดลง หมอชีวกจะได้นำเอาความรู้ด้านการแพทย์ออกมาประกอบอาชีพ เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่า วิชาการที่เล่าเรียนฝึกฝนมาสามารถนำมาเลี้ยงชีพได้จริงตามเป้าหมายที่ทางสถาบันการศึกษาได้วางเอาไว้ และการใช้วิชาชีพที่เรียนมายังชีพได้นี้เท่ากับเป็นการยอมรับว่า จบการศึกษาอย่างแท้จริง

พระไตรปิฎกภาษาไทยในส่วนพระวินัยปิฎกเล่มห้า หน้า 182-196  ได้บันทึกประวัติการรักษาผู้ป่วยของหมอชีวก โกมารภัจจ์ไว้หลายกรณีซึ่งจะได้นำมาเสนอเป็นลำดับไป

เมื่อหมอชีวกเดินทางจากสำนักทิศาปาโมกข์ถึงเมืองสาเกต เสบียงอาหารและน้ำที่เตรียมมาก็หมดลง จึงดำริว่า ควรจะได้เดินเข้าไปยังเมืองสาเกตเพื่อหาเสบียงเดินทางเพิ่มเติม เมื่อเข้าไปในเมืองก็ได้ทราบข่าวสำคัญข่าวหนึ่งว่า ภรรยาของเศรษฐีเมืองสาเกต ป่วยด้วยโรคปวดศรีษะเป็นเวลา 7 ปีมาแล้ว เศรษฐีได้เชิญหมอสำคัญๆ ซึ่งจบจากทิศาปาโมกข์หลายคนมารักษา จ่ายเงินไปเป็นจำนวนมากก็ยังไม่หาย หมอชีวกได้ทราบข่าวนี้แล้วจึงเข้าไปยังบ้านเศราษฐีบอกยามเฝ้าประตูว่า ผมจะมารักษาภรรยาของเศรษฐี     ยามเฝ้าประตูมารายงานให้ทราบว่า มีหมอจะมาขออาสารักษาภรรยาของเศรษฐี ภรรยาเศรษฐีถามว่า  หมอลักษณะอย่างไร

ยามเฝ้าประตูก็บอกว่า หมอเป็นคนหนุ่ม

ภรรยาเศรษฐีกล่าวว่า หมอหนุ่มๆ จะรักษาฉันได้อย่างไร หมอเก่งๆ จากทิศาปาโมกข์ตั้งกี่คนแล้ว มารักษา  ฉันจ่ายเงินไปตั้งเยอะตั้งแยะไม่เห็นจะหายเลย

ยามเฝ้าประตูกลับมาบอกหมอชีวกว่า ภรรยาของเศรษฐี บอกว่าอย่าเลย หมอหนุ่มๆ จะรักษาอย่างไรได้ หมอเก่งๆ ตั้งหลายคนยังรักษาไม่หายเลย

หมอชีวกเลยบอกยามให้ไปบอกภรรยาเศรษฐีว่า ถ้ารักษาไม่หายจะไม่รับเงินเลย นอกจากรักษาแล้วหายเท่านั้นจึงจะรับเงินค่ารักษา

เมื่อยามเฝ้าประตูนำความไปบอกกับภรรยาเศรษฐีแล้ว ภรรยาเศรษฐีจึงอนุญาตว่า เชิญหมอเข้ามาได้

ยามเฝ้าประตูจึงมาบอกหมอชีวกว่า ท่านอาจารย์  คุณนายเชิญให้ท่านเข้าไปได้

หมอชีวกเข้าไปยังคฤหาสถ์ของท่านเศรษฐี   เข้าไปในห้องที่ภรรยานอนป่วยมาเป็นเวลาเจ็ดปี  จึงขอตรวจดูอาการ  แล้วบอกภรรยาเศรษฐีว่า คุณนายครับ ผมต้องการเนยใสเพียงหนึ่งซองมือเท่านั้น(หนึ่งฝ่ามือ)

ภรรยาเศรษฐีได้จัดเนยใสมาให้แก่หมอชีวกตามที่ต้องการ เมื่อหมอชีวกได้เนยใสแล้วก็จัดการปรุงยาด้วยการนำเนยใสมาเคี่ยวรวมกับตัวยาต่างๆ จนเสร็จแล้ว จึงบอกให้ภรรยาเศรษฐีนอนหงายบนเตียงแล้วนัตถ์ยาเข้าไป

เมื่อภรรยาเศรษฐีนัตถ์ยาเข้าไปแล้ว เนยใสบางส่วนพุ่งออกมาทางปาก      ภรรยาเศรษฐีจึงถ่มเนยใสที่พุ่งออกมานั้นลงในภาชนะแล้วสั่งคนใช้ว่า จงนำสำลีมาซับเนยใสนี้ไปเก็บไว้

หมอชีวก เห็นอาการและคำสั่งของภรรยาเศรษฐีแล้วคิดในใจว่า คุณนายคนนี้คงขี้เหนียวน่าดูทีเดียว

ภรรยาเศรษฐีมีประสบการณ์ผ่านโลกมามากแค่เห็นหมอชีวกมองคนใช้เก็บสำลีเท่านั้น ภรรยาเศรษฐีจึงกล่าวกับหมอชีวกว่า อาจารย์  ดิฉันเป็นคนมีครอบครัว จำเป็นจะต้องรู้จักเก็บสิ่งที่ควรเก็บไว้ใช้  เนยใสนี้ยังดีอยู่จะใช้เป็นยาทาเท้าพวกทาส หรือกรรมกรก็ได้   ใช้เป็นน้ำมันเติมตะเกียงก็ได้ ท่านอย่าวิตกไปเลย ค่ารักษาของท่านจะไม่ลดลง

ภรรยาเศรษฐีดักคอหมอชีวกอย่างนี้ หมอชีวกก็เขินอายเหมือนกัน

นับเป็นโอกาสดีของหมอชีวกที่ผ่านมาพบภรรยาเศรษฐี   นอกจากจะได้ทดลองวิชาการรักษาแล้ว  ยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตของผู้ครองเรือนที่สร้างตนขึ้นมาอย่างมั่นคงและมั่งคั่งว่า  จะต้องรู้ว่า สิ่งใดควรเก็บ  สิ่งใดควรทิ้ง  ของใช้ไม้สอยแต่ละอย่างอาจจะใช้งานได้กว่าหนึ่งอย่างดังที่ภรรยาเศรษฐีได้เล่าถึงวิธีใช้เนยใสที่นำมารักษาโรคแล้ว  ยังใช้งานด้านอื่นได้อีกสองสามอย่าง   ถ้าผู้ครองบ้านครองเรือนถือคติแบบภรรยาเศรษฐีแล้ว  นอกจากจะรู้จักจับจ่ายใช้สอยสิ่งของต่างๆ อย่างคุ้มค่าแล้ว ยังช่วยกันรักษาทรัพยากรของโลกให้คงอยู่เพื่อลูกหลานต่อไปได้อีกนานแสนนานทีเดียว

เวลาผ่านไปไม่นาน อาการปวดหัวของภรรยาเศรษฐีที่เป็นเรื้อรังมาตั้งเจ็ดปีก็สงบระงับลงและหายขาดในเวลาต่อมา

ทุกคนในบ้านพากันดีใจที่แม่บ้านใหญ่หายขาดจากโรคเรื้อรัง  ภรรยาเศรษฐีเองก็ยิ่งดีใจจึงได้มอบค่ารักษาให้แก่หมอชีวก 4,000 กหาปณะ ลูกชายเศรษฐีก็แสนดีใจที่คุณแม่หายจากอาการปวดหัวได้อย่างฉับไวเช่นนั้น     จึงตกรางวัลแก่หมอชีวก อีก 4,000 กหาปณะ ลูกสะไภร่วมสมทบกับสามีอีก 4,000 กหาปณะ

ท่านเศรษฐีเองคงจะดีใจมากกว่าใครในบ้าน   เพราะได้พยายามที่จะดูแลสุดที่รักของตนที่ครองรักกันมาอย่างยาวนาน  เมื่อล้มป่วยกระเสาะกระแสะก็แสนจะทุกข์ทรมานปานว่าจะป่วยตามไปด้วย เมื่อทราบว่าภรรยาของตนปลอดจากทุกข์โศก โรคภัยเสียทีจึงตกรางวัลให้แก่หมอชีวกโกมารภัจจ์อีก 4,000 กหาปณะ

เป็นอันว่า การเริ่มต้นรักษาของนายแพทย์หนุ่มนามว่าชีวก  โกมารภัจจ์ประสบความสำเร็จในการรักษาอย่างงดงามทั้งคุณภาพการรักษาและค่าจ้างที่ได้รับ      คุณภาพการรักษานับว่าเป็นเลิศเพราะช่วยให้คนที่ปวดหัวมาเป็นเวลาเจ็ดปีให้หายขาดด้วยการให้ยาเพียงครั้งเดียววันเดียวเท่านั้น ถ้าเรียกตามสำนวนสามก๊กก็คงต้องเรียกว่า หมอเทวดาได้อย่างไม่ขัดเขินทีเดียว

ในด้านค่ารักษา  แม้หมอชีวกมิต้องออกปากตั้งราคาว่าค่ารักษาจะเรียกเท่าไร   แต่ด้วยพลังศรัทธาของผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยทำให้หมอชีวกได้ค่ารักษาในการเริ่มต้นนี้ถึง 16,000 กหาปณะ

เมื่อพักอยู่ที่เมืองสาเกตเตรียมสะเบียงอาหารสำหรับการเดินทางไกลได้ตามต้องการแล้ว  ก็เดินทางมุ่งหน้าสู่กรุงราชคฤห์อันเป็นมาตุภูมิที่เคยเกิดและเติบโตมา

ครั้นเดินทางถึงกรุงราชคฤห์แล้ว พักผ่อนจนหายเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางตามสมควร เมื่อได้โอกาสจึงนำทรัพย์ทั้ง 16,000 กหาปณะเข้าไปถวายแด่เจ้าชายอภัย  ด้วยการกราบทูลว่า ทรัพย์ 16,000 กหาปณะนี้ เป็นผลตอบแทนจากการรักษาครั้งแรกของเกล้ากระหม่อม ขอพระองค์จงทรงพระกรุณารับค่าเลี้ยงดูของเกล้ากระหม่อมด้วยเถิดพระเจ้าข้า

เจ้าชายอภัยผู้ที่เก็บชีวกมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมตอบด้วยความปลาบปลื้มใจที่ทารกน้อยที่ตนเลี้ยงดูมาเติฐโตแล้วมีศิลปวิทยาเลี้ยงตนได้เป็นอย่างดี ที่น่าชื่นใจที่สุดยังแสดงความกตัญญูกตเวทีให้น่าปลาบปลื้มใจอีกเมื่อนำทรัพย์ก้อนแรกที่หามาด้วยวิชาความรู้ของตนมามอบให้เป็นการตอบแทนบุญคุณที่เลี้ยงดูมา      เจ้าชายจึงตอบว่า ลูกชีวกเอ๋ย การที่ลูกนำทรัพย์มาให้พ่อนั้นดีแล้ว พ่อปลื้มใจและภูมิใจในลูกยิ่งนัก  แต่พ่อพิจารณาดูแล้ว ทรัพย์ก้อนนี้เป็นของลูก  พ่อจะยกที่ดินให้ลูกผืนหนึ่งแล้วสร้างบ้านอยู่ในบริเวณพระราชวังนี้เถิด

หมอชีวกโกมารภัจจ์ กราบทูลว่า เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง พระพุทธเจ้าข้า

ต่อมาหมอชีวกโกมารภัจจ์ก็ได้สร้างบ้านอยู่ภายนในบริเวณพระบรมมหาราชวังของพระบิดาที่ทรงพระนามว่า อภัยราชกุมารอันเป็น พระราชโอรสของพระเจ้าพิมพิสารนั่นเอง

มีผู้กล่าวไว้ว่า เนื่องจากหมอชีวก โกมารภัจจ์ เริ่มต้นการเป็นหมออาชีพตั้งแต่ยังหนุ่มมากถ้านับอายุก็จะอยู่ประมาณเพียง 23 ปีเท่านั้น เพราะตอนที่ท่านลอบหนีออกจากกรุงราชคฤห์นั้นอายุท่านเพียง 16 ปี จากนั้นก็เรียนแพทย์จบภายใน 7 ปี รวมกันก็ประมาณ 22 ปี      ตอนนั้นท่านยังคงไม่ไว้หนวดเหมือนหมอแก่ๆ  ภรรยาท่านเศรษฐีจึงดูเป็นหนุ่มไป       ต่อมาท่านจึงไว้หนวดเพื่อจะได้แสดงถึงความเป็นผู้มีวัยวุฒิด้วย พวกเราจึงมักจะเห็นรูปปั้นหมอชีวก โกมารภัจจ์มีเครายาวลงมาข้างล่างเสมอๆ เครานี้แหละแสดงว่า แม้เป็นคนหนุ่มแต่ก็เครายาว  แสดงว่ามีความรู้ความสามารถแก่กล้าทีเดียว

เรื่องหมอชีวกยังไม่จบแค่นี้จะได้นำมาเสนอท่านผู้อ่านในตอนต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 9.38 น.

วัดพุทธปัญญา เมือง โพโมน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย

ดร.พระมหาจรรยา  สุทธิญาโณ

เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญาและเจ้าอาวาสวัดลอยฟ้า

www.buddhapanya.org & www.skytemple.org

 

Leave a Reply