ไม่ใช่ปัญหาแต่เป็นเรื่องน่าคิด

By | 05/31/2015

ไม่ใช่ปัญหาแต่เป็นเรื่องน่าคิด

เย็นวันหนึ่งหลังจากอาตมากลับจากปฏิบัติศาสนกิจที่กริฟฟิตพาร์ค ผู้ชายวัยเกษียณคนหนึ่งได้เดินทางมาเยี่ยมสนทนาที่วัดแล้วตั้งปัญหาถามขึ้นว่า ทำไมคนมาวัดมีแต่คนแก่ ไม่มีคนวัยรุ่นและหนุ่มสาวมาร่วมกิจกรรมที่วัดเลย

คำถามท่านผู้สูงวัยท่านนี้ ตอบยากเหลือเกิน เพราะเรื่องของใครจะเข้าวัดหรือไม่เข้าวัด มีเหตุปัจจัยเกี่ยวข้องอีกมากมาย อาตมาจะลองพิจารณาตอบดูเป็นข้อๆ ดังนี้

  1. ผู้สูงอายุกับพระสงฆ์ที่ทำหน้าที่ต่างๆ อยู่ที่วัดส่วนใหญ่อยู่ในวัยที่ไม่ห่างกัน มีเรื่องที่สนใจไม่ต่างกัน สามารถสื่อสารกันได้ คุยกันรู้เรื่อง เช่น พุทธศาสนิกชนที่วัดพุทธปัญญาในวัยสูงอายุส่วนใหญ่มักจะสนใจเรื่องสุขภาพ เรื่องอาหารที่เป็นยาและบำรุงสุขภาพ การออกกำลัง การภาวนา กิจการและความเป็นไปของศาสนาและบ้านเมือง ซึ่งเจ้าอาวาสในวัย 56 ปีมีข้อมูลต่างๆ ในเรื่องดังกล่าวคล้ายๆ กันเมื่อแลกเปลี่ยนกันก็รู้สึกสนุกสนานในการสนทนา      ท่านผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยได้เข้ามาศึกษาและสนทนากันในวันอาทิตย์เป็นเวลาหลายชั่วโมงทีเดียว บางคราวคุยกันไปถึงเวลาเย็นย่ำค่ำก็มี
  2. ข้อที่ว่า ทำไมไม่เคยเห็นเยาวชนหรือคนหนุ่มสาวเดินเข้าวัดเลย พุทธศาสนิกชนในบางวัดเริ่มครุ่นคิดกันบ้างแล้วว่า เมื่อคนเข้าวัดรุ่นปัจจุบัน พากันล้มหายตายจากและกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายในเมืองไทยตามกาลเวลา จะฝากวัดฝากวาไว้กับใคร ประเด็นแรกก็คือ พระสงฆ์กับคนหนุ่มสาวที่เกิดที่นี่มีช่องว่างด้านวัฒนธรรมและการสื่อสารที่ห่างกันมากแทบไม่มีมิติไหนที่จะเชื่อมโยงกันได้เลย ความสนใจของคนหนุ่มสาวที่นี่และของพระสงฆ์สูงวัยต่างกันอย่างสิ้นเชิง หาจุดร่วมกันไม่ได้ แม้จะเคยพบคนหนุ่มสาวหลงเข้ามาวัดบ้างก็มาด้วยความจำใจ หรือจำเป็นต้องมาในกรณีย์ที่แทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น พ่อแม่นำมาทำบุญวันเกิด มาตักบาตร ถวายสังฆทาน หรือเวลาญาติหรือพ่อแม่เสียชีวิตแล้วจำเป็นต้องมาร่วมด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ในเชิงพิธีกรรมในเวลาสั้นๆ แล้วก็กลับบ้านไปด้วยความรวดเร็ว มาอยู่ปฏิบัติหน้าที่ที่นี่นานเป็นสิบปี ยังไม่เคยเจอลูกหลานคนไทยที่เกิดที่นี่จะเข้าวัดแล้วสนทนาถามไถ่เรื่องศาสนา วัฒนธรรม ที่พ่อแม่ ปู่ย่าตายายของตนนับถือ แม้บางวัดจะพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะนำเยาวชนเข้าวัด แต่ดูเหมือนว่าพอโตเป็นหนุ่มสาวเขาก็ต่างหันหลังให้วัด หายเข้าไปสู่กระแสหลักของสังคมที่เขาเกิดและเติบโตมา แม้บางวัดได้ทุ่มสุดฤทธิ์สุดเดชที่จะดึงเยาวชนคนหนุ่มสาวเข้าวัดด้วยกระบวนการขับร้องประโคมดนตรีและแม้แต่ประกวดนางงาม เมื่อความสนุกสนานผ่านไปก็มิได้มีใครกี่คนที่จะเข้ามาร่วมกิจกรรม ศึกษา ปฏิบัติและช่วยกิจกรรมของวัดรับช่วงต่อจากผู้สูงอายุที่เคยดูแลอยู่       ท่านเหล่านั้นก็ยังคงรับหน้าที่ต่อไป เรียกว่า ทำหน้าที่กันมาตั้งแต่ยุคที่เริ่มต้นจนถึงวันนี้ ยังไม่มีกลุ่มเลือดใหม่เข้ามาแทนที่แม้จะมีความพยายามมากมายเพียงใดก็ตาม
  3. เยาวชนคนหนุ่มสาวมีที่ไปและที่นัดพบที่เพลิดเพลินสนุกสนานมากมาย ส่วนวัดทั้งหลายที่เกิดขึ้นด้วยความเสียสละจากการรวมตัวของชุมชนไทย ล้วนเป็นไปแบบมีข้อจำกัด ไม่มีอะไรดึงดูดใจเพียงพอ ซ้ำหากมองวัดอย่างผิวเผินในภาวะที่แต่ละวัดต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดไปแต่ละเดือนด้วยแล้ว ก็พบแต่กระบวนการหาเงินด้วยการนำเอาประเพณี วัฒนธรรมและความเชื่อมาค้าขายอย่างซ้ำซากจำเจและวนเวียน ไม่มีตัวบ่งชี้ว่าเอกลักษณ์ชุมชนที่มีพระพุทธศาสนาเป็นแกนนำนั้นเป็นอย่างไร คนหนุ่มสาวสมัยใหม่ที่เน้นความรวดเร็วว่องไวเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน จึงพากันแสวงหาความหมายชีวิตของตนที่สัมผัสได้ง่ายและรวดเร็วมากกว่าการเดินเข้ามาสืบทอดพุทธศาสนาของบรรพบุรุษ
  4. แม้ผู้สูงวัยเองก็มิใช่ว่า ทุกคนเมื่อตะวันยอแสงแล้วจะมุ่งหน้าเข้าหาวัดหาพระพุทธศาสนา แต่ผู้สูงวัยก็มีที่ไปอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบ่อนการพนัน เล่นกีฬาที่ชื่นชอบหรือพบกลุ่มคนสนิทของตนๆๆ คนที่จะหลุดเข้ามาร่วมกิจกรรมการศึกษาและภาวนาพุทธธรรมนั้นจึงมีน้อยกว่าที่ไปหาความสุขสำราญในที่อื่นๆ หรือแม้แต่ผู้สูงวัยที่เข้ามาสู่วัดวาอารามอย่างเต็มตัวแล้ว ช่วยงานศาสนาด้วยจิตอาสาอย่างแท้จริง แต่เมื่อถึงเทศกาลสำคัญแล้วต่างขออำลาวัดวาไปสู่วัดดวงก็มีไม่น้อย

การเข้าวัดหรือไม่เข้าวัดของเยวชนหรือชราชนไม่มีสาเหตุและแรงจูงใจที่ตายตัว(Static) แต่ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยและแรงจูงใจที่เปลี่ยนไปไม่หยุด (Dynamic)

บทสรุปของพระสูงวัยอย่างอาตมาคงมีง่ายๆ ว่า หากใครเคยทำบุญร่วมกันมาแต่ปางก่อนไม่ว่าจะอยู่ในเพศและวัยใด เมื่อถึงเวลาก็จะได้พบกัน  และในทางตรงกันข้าม หากผลบุญอันเป็นเหตุปัจจัยที่เคยร่วมกันสิ้นสุดลง ต่างคนก็ต่างจากกันไป เป็นการพลัดพรากจากการพบกัน จากศรัทธาที่มีต่อกัน แม้ที่สุดจากพระพุทธศาสนาที่เคยนำพาชีวิตมาในระยะหนึ่งแล้วเลิกรากันไป ก็มีไม่น้อย      สิ่งที่ทำได้คือทำหน้าที่ตรงหน้าให้ดีที่สุด เมื่อทำดีที่สุดแล้วได้รับความภูมิใจว่า ทำหน้าที่ได้ดีที่สุด ส่วนผลแห่งการกระทำจะออกมามากหรือน้อยเพียงใดเป็นที่น่าพอใจหรือไม่น่าพอใจก็ยอมรับตามความเป็นจริงแล้วทำต่อไป

วันที่ 10 พฤษภาคม 2558 เวลา 3.23 น.

บ้านริมน้ำ คลองผีหลอก

อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม

ดร.พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ

เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา, วัดพุทธธรรมและวัดลอยฟ้า

www.buddhapanya.org & www.skytemple.org

 

 

Leave a Reply