บทธรรมจากสงกรานต์

By | 04/27/2015

บทธรรมจากสงกรานต์

เมื่อถึงฤดูกาลสงกรานต์หรือปีใหม่ไทย คนไทยไม่ว่าอยู่มุมไหนของโลกย่อมคิดถึงการจัดงานสงกรานต์เพื่อสืบสานวัฒนธรรมกันอย่างเต็มที่ การจัดงานสงกรานต์นั้นแม้จะประยุกต์ดัดแปลงจัดกันได้หลายรูปแบบ แต่เนื้อหาของสงกรานต์ส่วนใหญ่ยังคงได้รับการรักษาไว้อย่างดี

เริ่มต้น เมื่อคนคิดถึงวันสงกรานต์ ย่อมคิดถึงพ่อแม่ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งครอบครัวของตน ถ้าพ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อหยุดจากการทำงานหรือหยุดเรียนต้องหาโอกาสกลับไปรดน้ำดำหัวกราบไหว้พ่อแม่ให้ได้ จิตสำนึกตรงนี้ คือ แก่นวัฒนธรรม ที่ดีงามที่ฝังลึกและสืบทอดกันมาไม่ขาดสาย เรียกได้ว่าประเพณี

คุณธรรมข้อนี้คือ ความกตัญญูกตเวที หรือหากเรียกในโลกสมัยใหม่จะเรียกได้ว่า วิถีที่ทำให้ครอบครัวอบอุ่นและเข้มแข็ง

แค่นั้นยังไม่พอ ถ้าบิดามารดาล่วงลับไปแล้ว ลูกหลานจะหาโอกาสทำบุญอุทิศแก่บรรพบุรุษ ซึ่งแสดงออกถึงความรัก ความเคารพที่มีต่อผู้ให้กำเนิดและผู้อุปถัมภ์บำรุงให้มีชีวิตเติบโตมาอย่างไม่เสื่อมคลาย

ข้อนี้เป็นคุณธรรมสำคัญที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้เลยในหน้าที่ของบุตรธิดาที่ว่า ท่านเลี้ยงมาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ ช่วยทำกิจของท่าน ดำรงวงศ์ตระกูล ปฏิบัติตนเป็นคนควรรับมรดก และเมื่อท่านล่วงลับไปแล้วทำบุญอุทิศให้ท่าน

การแสดงออกทางกาย วาจา และใจ ในวันสงกรานต์ เช่น การถวายสังฆทาน การทำบังสุกุล แล้วอุทิศส่วนบุญกุศลไปให้บรรพบุรุษล้วนเป็นการปฏิบัติธรรมตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้อย่างชัดเจน

หากลูกหลานของทุกครอบครัว ยังมีความซาบซึ้งในบุญคุณของพ่อแม่ แล้วเฝ้าปฏิบัติตอบแทนตามสมควรแก่สถานะ กาลเวลา โดยไม่หลงลืม ไม่นิ่งดูดาย ไม่ทอดทิ้ง จะเป็นวิถีที่ทำให้ครอบครัวมั่นคงและอบอุ่นได้ดียิ่งนัก

ถัดจากคุณธรรมแห่งความเป็นปึกแผ่นของครอบครัวและสังคมเข้มแข็งเป็นปึกแผ่นแล้ว เมื่อคิดถึงวันสงกรานต์ คนไทยก็ยังคิดถึงผู้สูงอายุที่เป็นญาติมิตรหรือมิใช่ญาติมิตรที่จะต้องดูแลและให้ความเคารพอีกส่วนหนึ่ง

การแสดงความเคารพนับถือแก่ผู้สูงอายุนับเข้าในบุญอีกข้อหนึ่งที่เรียกว่า อปจายนมัย แปลว่า บุญสำเร็จด้วยการอ่อนน้อมถ่อมตน อ่อนโยน สุภาพ

หลักคำสอนของพระพุทธเจ้ามหัศจรรย์นัก เพียงพุทธศาสนิกชนปฏิบัติตนด้วยความอ่อนโยนเข้าหากันก็เป็นบุญทันที เคยสะท้อนหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าตรงนี้ว่า ยิ่งไหว้ ยิ่งได้บุญ นอกจากการไหว้จะได้บุญตามหลักบุญกิริยาวัตถุที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้ว การไหว้ยังเป็นการสร้างเสน่ห์ให้พุทธบริษัทด้วย หรือแม้ในนามของความเป็นมนุษย์ ถ้าใครอ่อนน้อมถ่อมตน จะเป็นที่น่ารักน่าประทับใจมากกว่า ความแข็งกระด้าง

หลวงตาแพรเยื่อไม้กล่าวไว้ว่า ความอ่อนโยนเป็นเสน่ห์ แต่ความแข็งกระด้างเป็นเสนียดของชีวิต

ถ้ารักจะให้ชีวิตมีเสน่ห์เป็นที่น่าประทับใจ เป็นที่รักใคร่ของคนใกล้และคนไกล ก็พึงเป็นคนอ่อนโยนสุภาพ แต่ถ้าต้องทำตนให้เป็นคนน่ารังเกียจก็พึงแสดงออกต่อทุกคนด้วยความแข็งกระด้างเกรี้ยวกราด

แต่ธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนต้องการยอมรับ ต้องการความรักจากเพื่อนมนุษย์เหมือนๆ กัน เพียงแต่ยังไม่กระจ่างชัดว่า ทำอย่างไรจึงทำให้คนอื่นยอมรับและยอมทำตาม บางทีเข้าใจผิดไปว่า การข่มขู่คุกคามกดขี่จะทำให้คนอื่นยอมรับ เรื่องนั้นเป็นไปได้ หากจำเป็นต้องยอมรับ เขาอาจจะยอมรับเพียงก้มหัวให้ แต่ไม่ยอมมอบหัวใจให้ คนที่เคยข่มขู่คุกคามหมดอำนาจที่จะข่มขู่บังคับเมื่อใด ต้องห่างไกลทันที

นอกจากนี้ ผู้ที่ต้องการไปสวรรค์ พระพุทธเจ้าก็สอนไว้เหมือนกันว่า ความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อบุคคลในตระกูล เป็นวิถีแห่งการไปสู่สวรรค์อีกวิถีหนึ่ง

คำสอนบทนี้ก็เป็นอีกบทหนึ่งที่น่ามหัศจรรย์นัก พุทธศาสนิกชนยกมือไหว้ผู้สูงอายุแม้แต่ในครอบครัวของตนเองก็ไปสวรรค์ได้ ไม่ต้องเสียเงินเสียทองซื้อสวรรค์ดังที่มีพุทธศาสนิกชนบางกลุ่มที่ถูกชักชวนจากนักบวชบางกลุ่มสั่งสอนไว้เสมือนว่า สามารถซื้อหาหรือสัมปทานเส้นทางไปสวรรค์ได้ ปัจจุบันนี้จึงมีกระแสการขายบุญทั้งขายตรง ทั้งขายอ้อมสารพัดจะขายกันทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ

ถ้าพุทธบริษัทตระหนักชัดว่า การแสดงความเคารพต่อพ่อแม่ทุกครั้ง การแสดงความอ่อนโยนต่อญาติมิตรที่มีอายุมากกว่าทุกครั้งเป็นทางแห่งบุญตามที่พระพุทธเจ้าตรัสอนไว้ การทำบุญจะง่ายขึ้นมาก แทนที่จะเป็นการค้าขายบุญก็เปลี่ยนมาเป็นการพัฒนาความน่ารักน่านับถือให้แก่ตนเอง ยิ่งทำเท่าไร ยิ่งมีความเจริญของตนเองเท่านั้น ส่วนการตั้งหน้าตั้งตาซื้อขายบุญกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำไปมากๆ อาจจะทำให้คนซื้อบุญถึงกับหมดตัวและล้มละลายไปได้ เรื่องนี้ต้องระวังและต้องศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าตรงๆ ดีๆ เพราะพระพุทธเจ้าของเราทั้งหลายทรงสั่งสอนให้ละเว้นจากทางอกุศลและเดินทางกุศลให้จงได้

การที่จะแยกแยะได้ว่า อะไรคือกุศลและอะไรคืออกุศล เป็นเจตนารมณ์สำคัญของพระโพธิสัตว์ทีเดียว เพราะคราวหนึ่งสมัยที่พระพุทธเจ้ายังทรงเป็นพระโพธิสัตว์ พระเจ้าพิมพิสารตรัสถามว่า พระองค์มีจุดประสงค์อันใดที่สละราชสมบัติออกบวช พระองค์ตรัสว่า อาตมาออกบวชเพื่อให้ทราบว่า อะไรเป็นกุศล และอะไรเป็นอกุศล

หากพุทธบริษัทเข้ามาสู่พุทธศาสนาด้วยเจตนาเดียวกันว่า เพื่อทำความเข้าใจว่า อะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศลแล้วละก็ ย่อมจะปลอดภัยห่างไกลจากพวกอาศัยศาสนาบังหน้าแล้วทำมาหากินกับความเชื่อที่ผิดทาง ห่างจากพระธรรม พระวินัยเป็นแน่แท้

สิ่งสำคัญที่จะขาดเสียมิได้ที่คนไทยได้รับจากการจัดงานสงกรานต์คือ ความร่วมมือ ร่วมแรง และร่วมใจ สามัคคีกัน สร้างสรรค์ สิ่งต่างๆ ที่ให้ความสะดวกการทำความดีของผองเพื่อนในวัดในชุมชุนนั้นๆ เพื่อให้งานสงกรานต์แต่ละแห่งผ่านพ้นไปด้วยความราบรื่น

คุณธรรมข้อนี้ คือ ความสามัคคี ที่แสดงออกผ่านการจัดงานสงกรานต์

การที่ทุกคนในชุมชนนั้นๆ ขวนขวายปรารถนาดีที่จะช่วยเหลืองานให้ผ่านพ้นไปด้วยจิตใจเสียสละและอาสาสมัคร ทำทุกอย่างด้วยความเต็มใจ นับเนื่องเข้าในบุญกิริยาวัตถุอีกข้อหนึ่งที่เรียกว่า เวยยาวัจมัย แปลว่า บุญสำเร็จด้วยการขวนขวายช่วยเหลือ

หลายวัด หลายชุมชนทั้งในประเทศไทยและประเทศอเมริกา ได้จัดงานผ่านพ้นไปแล้ว แต่สิ่งที่เหลืออยู่นอกจากความประทับใจซึ่งกันและกันแล้ว ขอให้ทุกคนภูมิใจว่า ได้ปฏิบัติธรรมในวันสงกรานต์อย่างสมบูรณ์ เป็นการเสียสละตนเข้าไปเพื่อจรรโลง พระพุทธศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี และเอกลักษณ์ของชาติไทยอย่างแท้จริง

ถือโอกาสนี้ส่งคำอวยพรมายังท่านผู้อ่านทั้งหลาย ขออวยพรให้ทุกท่านเจริญรุ่งเรืองในชีวิต หน้าที่ การงาน มีครอบครัวเข้มแข็ง ชีวิตเป็นสุข สงบ อบอุ่นท่ามกลางลูกหลานญาติมิตรที่มีจิตเมตตาต่อกันตลอดไปเทอญ

วัดพุทธปัญญา เมืองโพโมน่า

วันที่ 11 เมษยน 2558 เวลา 4.39 น.

ดร.พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ

เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญาและวัดลอยฟ้า

www.buddhapanya.org & www.skytemple.org

Leave a Reply