Monthly Archives: July 2015

สามัญญลักษณะ

  สามัญญลักษณะ

สามัญญลักษณะ แปลตรงตัวว่า ลักษณะที่เหมือนกันของสิ่งทั้งปวง มีอยู่สามประการคือ อนิจจัง (ไม่เที่ยง) ทุกขัง (ทนได้ยาก) อนัตตา (มิใช่ตัวตน)

image20150728 (1)ามัญญลักษณะนี้เป็นอมตธรรมดำรงอยู่ตลอดกาล ทำหน้าที่ควบคุมสรรพสิ่งตั้งแต่ธุลีดินไปถึงโลกและดวงอาทิตย์ในสากลจักรวาลให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติ

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในนิยามสูตรอันว่าด้วยเรื่องพระธรรมเป็นผู้กำหนดว่า พระตถาคตจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ตาม อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา มีอยู่ตลอดเวลา พระองค์เป็นผู้มาตรัสรู้และนำมาบอกกล่าวเล่าให้ฟัง เปิดเผยimage20150728 (2)ให้ทราบเท่านั้น

พระองค์ตรัสว่า สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา เป็นอย่างนี้อยู่เสมอ

พระพุทธเจ้าทรงตรัสอธิบายวิธีพิจารณาความไม่เที่ยงและความเป็นอนัตตาไว้ในคิริมานนทสูตรว่า รูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง

แม้เรื่องความไม่เที่ยงจะเป็นกฎธรรมชาติที่ควบคุมสรรพสิ่งครอบคลุมไปทั่วสากลจักรวาลก็ตาม       แต่หากพิจารณาเพื่อความพ้นทุกข์ พระองค์ทรงนำพระพุทธสาวกให้กลับมาสู่ชีวิตเพื่อพิจารณาขันธ์ห้าอันเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของชีวิตว่า ไม่เที่ยง

พระองค์ได้ทรงสั่งสอนวิธีพิจารณาอนัตตาเอาไว้ว่า ตา เป็นอนัตตา หู เป็นอนัตตา จมูกเป็นอนัตตา ลิ้นเป็นอนัตตา กาย เป็นอนัตตา ใจ เป็นอนัตตา นี่คือ อายตนะภายใน ที่แปลว่า รอยต่อ หรือจุดเชื่อมแห่งองค์ความรู้ซึ่งimage20150728 (3)เชื่อมกับอายตนะภายนอก ได้แก่ รูป เสียง  กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ แล้วเกิด วิญญาณ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ตามลำดับ

พระพุทธเจ้าสอนว่า ทั้งอายตนะภายนอกและอายตนะภายในที่ทำหน้าที่ต่อกันเพื่อให้เกิดความรู้นี่แหละเป็นอนัตตาหมด ไม่มีอะไรที่เป็นอัตตาเลยแม้แต่เรื่องเดียว ดังที่พระองค์ทรงตรัสสอนเสมอว่า ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

คำว่า ธรรมในที่นี้แปลว่า ธรรมชาติ ซึ่งครอบคลุมทั้งกายทั้งจิต ทั้งนาม ทั้งรูป ไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่พระนิพพานอันเป็นสภาวธรรมสูงสุด

ในอนัตตลักขณสูตร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสลักษณะของอนัตตาไว้ชัดเจนว่า จะไม่สามารถบังคับบัญชาหรือขอร้องขันธ์ห้า ว่า อย่าให้ป่วย อย่าให้เป็นอย่างนั้น อย่าให้เป็นอย่างนี้ จงเป็นอย่างนั้นจงเป็นอย่างนี้ ใดๆ ได้เลย

ในอนัตตลักขณสูตรเช่นกัน พระองค์ตรัสลักษณะเด่นของ ทุกข์ ไว้ว่า สิ่งใด ไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา

คำว่า มีความแปรปรวนเป็นเป็นธรรมดา คือ คำจำกัดความของคำว่าทุกข์ ที่ครอบคลุมสังขารทั้งที่มีใจครองและไม่มีใจครองทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมไปได้ทั้งหมด สิ่งใดสิ่งหนึ่งปรากฏแล้วย่อมแปรปรวนไป เป็นธรรมดา ความแปรปรวนนี้เป็นผลตามกระบวนการลูกโซ่มาจากความไม่เที่ยงนั่นเอง

เป้าหมายของความเข้าใจเรื่องไตรลักษณ์ หรือกระทำให้แจ้งเรื่องไตรลักษณ์อยู่ที่ การไม่สำคัญมั่นหมายว่าเป็นเราหรือเป็นของเราตามพระพุทธพจน์ที่ว่า ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเรา

image20150728 (4)ระองค์ได้ทรงแสดงสัจธรรมนี้แก่ปัญจวัคคีย์ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี      เมื่อปัญจวัคคีย์สดับธรรมตามพระองค์ไป ได้ประจักษ์แจ้งสามารถแทงตลอดธรรมนั้น แล้วตอบพระพุทธองค์ว่า ไม่ควรเลยพระพุทธเจ้าข้า

ตามประวัติเล่าว่า ครั้งแรกพระพุทธเจ้าแสดงพระธัมมจักกัปปวัตนสูตร พระอัญญาโกณฑัญญะเท่านั้นที่บรรลุเป็นพระโสดาบันด้วยบทสรุปว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นจากเหตุเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งปวงก็ดับไปเพราะเหตุเป็นธรรมดา

ต่อมาพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเบ็ดเตล็ดอีกระยะหนึ่ง ปัญจวัคคีย์ทั้งหมดบรรลุพระโสดาบัน      จากนั้นพระองค์จึงเรียกประชุมพระปัญจวัคคีย์มาฟังอนัตตลักขณสูตรพร้อมกัน  นำให้พระปัญจวัคคีย์บรรลุพระอรหันต์ พร้อมกัน

เป้าหมายหลักของพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงขันธ์ห้าว่าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เพื่อให้สาวกเข้าถึงความจริง ปล่อยวางทุกสิ่งเข้าสู่พระนิพพานนั่นเอง

แม้พระองค์จะตรัสถึง ทั้งอนิจจัง ทุกขังและอนัตตาอย่างละเอียดละออยิ่ง แต่เพราะจุดเน้นเป้าหมายปลายทางอยู่ที่อนัตตา จึงเรียกสูตรนี้ว่า อนัตตลักขณสูตร

เนื้อหาสาระแห่งไตรลักษณ์หลักๆ ที่พอจะประมวลมาเล่าสู่กันฟังย่อๆ ขอยุติแค่นี้ก่อนโอกาสหน้าจะมาเล่าสู่กันฟังใหม่ ขออวยพรให้ท่านผู้อ่านจงเข้าถึงพระไตรลักษณ์ถอนรักถอนชังในขันธ์ห้า เข้าถึงความร่มเย็นแห่งบรมธรรมตามลำดับเทอญ

วัดพุทธปัญญา เมืองโพโมน่า มลรัฐแคลิฟอร์เนีย

วันที่ 20 กรกฎาคม 2558

เวลา 8.10 น.

ดร.พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ

เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา, วัดพุทธธรรมและวัดลอยฟ้า

www.buddhapanya.org & www.skytemple.org

 

 

เหตุแห่งทุกข์

 เหตุแห่งทุกข์

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นักเล่นเฟซและเล่นไลน์คงจะได้รับข่าวสารที่ร้อนสุดขีด  เกี่ยวกับเรื่องรักร้าวของดารานักร้องสองคนคือ แตงโมกับโตโน่ รักร้าวของสองรายนี้เกิดเป็นเรื่องราวออกสื่อใหญ่โต เมื่อแตงโมตัดสินใจฆ่าตัวตาย จนคนใimage20150728-1 (2)กล้ชิดต้องนำตัวเข้าโรงพยาบาลแล้วคุณหมอช่วยชีวิตไว้ได้ทัน

ประมวลข่าวย่อๆ พอจับความได้ว่า แตงโมนั้นตรอมตรมทุกข์ทรมานเพราะโตโน่ บอกลาจากความรักที่เคยหวานชื่นกันมา แตงโมทนต่อการพลัดพรากไม่ได้ก็รู้สึกทุกข์ทรมาน      ส่วนโตโน่ก็ทุกข์พอๆ กัน  แต่เป็นความทุกข์ที่ไม่ปรารถนาจะร่วมชีวิตกับคนรักต่อไป เรียกว่าน้ำผึ้งขมไปเรียบร้อยแล้ว     แม้แตงโมจะฉุดรั้งให้กลับมาด้วยเดิมพันชีวิตก็ไม่กลับมาคืนดีดังเดิมแล้ว ดังแก้วที่มันร้าวไม่นานก็คงจะแตก หรือถึงขั้น ดั่งแก้วบางเขาทุบทิ้งแตก ใจฉันแหลกเพราะน้ำมือเธอ อย่างไงอย่างงั้น

หากดูข่าวคราวหรือดูละครแล้วย้อนมาดูใจ เป็นการศึกษาธรรมะไปด้วย  จะพบธรรมะที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นเหตุแห่งทุกข์ได้อย่างชัดเจน

เหตุแห่งทุกข์ดังกล่าวนี้มีสามประการ

  1. การพลัดพรากจากของรักของชอบใจก็เป็นทุกข์ ในเรื่องนี้ความทุกข์ของแตงโมมีสาเหตุมาจากการพลัดพรากคนรัก คือโตโน่
  2. ประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจก็เป็นทุกข์ ฟังตามกระแสข่าวที่ปรากฏออกมาโตโน่เป็นฝ่ายเดินจากไปชนิดที่ข้าวของก็ยังเก็บไปไม่หมด เพราะสาเหตุแห่งความไม่สุขใจพอที่จะอยู่ร่วมกันอีกต่อไป  เข้าตำราต้องประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่พอใจก็เป็นทุกข์ชัดเจน     เมื่อไม่รู้สึกรัก อยู่ด้วยกันก็เป็นทุกข์ จากกันไปดีกว่า
  3. ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นนั่นก็เป็นทุกข์ ประเด็นนี้ได้บทเรียนจากแตงโมผู้ปรารถนาจะร่วมชีวิตกับโตโน่ไปจนถึงวันตายจากกัน แต่ยังไม่ทันไรก็จากไปเสียแล้ว เธอจึงไม่สมหวังไม่สมปรารถนาก็ต้องเป็นทุกข์ระทมตรมตรอมคร่ำครวญหวนไห้ ครบกระบวนการทุกข์

เหล่านี้คือเหตุแห่งความทุกข์ที่มนุษย์มีมาตั้งแต่อดีต ปัจจุบันหรือในอนาคต หากใครเจอเหตุเช่นนี้ ความทุกข์ยังคงมีต่อไปไม่สิ้นสุด เพียงแต่เปลี่ยนคนที่รับความทุกข์ไปเรื่อยๆ เท่านั้น

สังคมยังตั้งคำถามต่อไปว่า ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ใช่ไหม

คำตอบคือ ที่ใดมีรัก ที่นั่นไม่มีทุกข์เสมอไปหรือที่เขารักกันเพราะยามรักมีความสุข

แต่อยากจะชี้ว่า ความทุกข์จะเกิดขึ้นต่อเมื่อพลัดพรากจากบุคคล วัตถุ หรือสิ่งของที่รัก

เมื่อเป็นเช่นนี้เมื่อใดที่ได้ครอบครอง วัตถุ สิ่งของหรือบุคคลที่รัก ต้องเตรียมทำใจไว้รอการพลัดพรากว่า วันนี้ของเรา พรุ่งนี้ไม่แน่ หรือเจริญกฎไตรลักษณ์ว่า สรรพสิ่งทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม รวมทั้งความรัก ล้วนimage20150728-1 (1)เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงแท้แน่นอน ทุกขัง ทนอยู่ได้ไม่นาน และอนัตตา หาตัวตนหรือสาระใดๆ มิได้  สิ่งทั้งหลายมีแต่ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป สิ่งทั้งหลายล้วนไหลไปไม่มีสิ่งใดคงที่ รับรู้เข้าใจสิ่งทั้งหลาย แล้วปล่อยผ่านไปไม่ยึดถือกอดรัด ไม่หนัก ไม่ทุกข์  ยึดมากทุกข์มาก ยึดน้อยทุกข์น้อย ไม่ยึดไม่ทุกข์

ขอเชิญชวนท่านทั้งหลายจงมีชีวิตด้วยสติมีความรู้สึกตัวทั่วพร้อมไม่ถูกไฟแห่งความสมหวังผิดหวังแผดเผาด้วยกันทุกท่านทุกคนเถิด

วัดพุทธปัญญา

วันที่ 13 กรกฎาคม 2558

เวลา 4.48 น.

ดร.พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ

เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา, วัดพุทธธรรมและวัดลอยฟ้า

www.buddhapanya.org & www.skytemple.org

 

เมื่อมีปัญหา

        เมื่อมีปัญหา

เชื่อว่าทุกคนที่เกิดมาเป็นมนุษย์ล้วนเคยเจอปัญหากันมาแล้ว และจะต้องพบปัญหากันอีกไปจนกว่าจะจากโลกนี้ไป      แต่หากนำเอาปัญหาที่เคยผ่านมาแล้วมาทบทวนก็จะพบว่า ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้และมีทางออกimage20150728-2 (1)เสมอ      ส่วนแก้ปัญหาแล้วปัญหานั้นจะหมดไปเสร็จสิ้นเด็ดขาดหรือยังหลงเหลืออยู่ นั่นก็คือการแก้ปัญหาที่มีผลออกมาแล้ว

ในฐานะที่เป็นมนุษย์เบาหวานคนหนึ่งที่เคียงคู่อยู่กับเบาหวานมาอย่างยาวนาน  ดูทีท่าเหมือนความรักของเราจะหวานชื่นขึ้นเรื่อยๆ จากร้อยกว่าจุด ถึงสองหรือสามร้อย สูงสุดเคยสูงถึง 700 จุด นับว่า รักกันแทบตายรือใจจะขาดเลยทีเดียว จึงอยู่ในฐานะแก้ปัญ

หาเบาหวานอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

สิ่งที่เป็นหัวใจของการแก้ปัญหาเบาหวานคือสติ ต้องคอยเตือนตนเองเสมอว่า ของหวานจากน้ำตาล หรือแป้งคาโบไฮเดรดต้องห่างไกล แม้ของหวานจากผลไม้ก็ต้องห่าง-

ไกล      แม้จะต้องฉันบ้างเพื่อฉลองศรัทธาต้องตระหนักเสมอว่า เราคือผู้ป่วยเบาหวาน สติจึงสำคัญที่สุด

นอกจากระวังความหวานจากแหล่งต่างๆ แล้ว การออกกำลังควบคู่กันไปก็สำคัญมาก หากไม่ยุ่งงานชนิดติดพันจริงๆ ต้องเดินออกกำลังให้ได้อย่างน้อยหนึ่งหมื่นก้าวหรือห้าไมล์ขึ้นไป

นี่ก็เป็นวิธีหนึ่งของคำขวัญที่ว่าปัญหาทุกอย่างมีทางแก้image20150728-2 (2)

อาตมาเคยฟังอาจารย์สมทรง บุญญฤทธิ์ อดีตอาจารย์สอนวิชาภาษาไทยและวิชาพระพุทธศาสนาโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยได้อธิบายเศียรของพระพุทธรูปไว้อย่างน่าฟังว่า  เวลาเรากราบพระพุทธรูป  มองพระพักตร์ของพระองค์ที่อิ่มเอิบเบิกบานและมองไปถึงพระเศียรจะเห็นว่ายอดของพระเศียรนั้นจะมีพระเมาลีแหลม รอบๆ พระเศียรจะเป็นพระเกศหรือพระเกศากลมๆๆ ซึ่งอาจารย์อธิบายความหมายว่า พระเกศกลมๆ นั้นเป็นสัญญลักษณ์สื่อถึง ปัญหา ส่วนพระเมาลีหรือพระโมลีที่แหลมขึ้นไปนั้นหมายถึงพระปัญญาคุณของพระพุทธเจ้า

เวลาที่เราตั้งใจกราบพระพุทธรูปด้วยจิตใจที่สงบเสมือนจะได้ยินพระสุรเสียงของพระพุทธเจ้าตรัสกับเราผู้กำลังก้มกราบว่า เมื่อใดที่มีปัญหา จงใช้ปัญญาแก้เถิด หรือถ้าทำความรู้สึกซึ้งๆ จะได้ยินพระสุรเสียงที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาอันอบอุ่นว่าเมื่อมีปัญหาใช้ปัญญาแก้นะลูกนะ

คำอธิบายตรงนี้สำคัญมากทีเดียว สิ่งที่จะแก้ปัญหาดีที่สุดคือปัญญาเพราะใช้ปัญญาแก้ปัญหาแล้ว ไม่มีผลข้างเคียงแต่ประการใด แต่วิธีการอื่นๆ นำมาแก้ปัญหาแล้วยังมีผล

ข้างเคียงตามมา

ถ้าติดตามข่าวการแก้ปัญหาชีวิตทางสื่อสารและโซเชียลมีเดียตอนนี้ เมื่อมีปัญหาหนัก คนนิยมฆ่าตัวตายกันมากขึ้น     แต่เมื่อแก้ปัญหาแล้วปรากฏว่ามีปัญหาตามมาเสมอ เช่น ชาวนาเป็นหนี้ฆ่าตัวตายหนีหนี้ กลายเป็นว่า พ่อบ้านฆ่าตัวตายไปแล้วแต่ลูกเมียต้องหาเงินปลดหนี้ต่อไป

ช่วงหลังๆ คนฆ่าตัวตายรอบคอบมากขึ้น  เวลาจะฆ่าตัวตายมักจะกินยาพิษให้ตายกันแบบยกครอบครัวไม่ต้องมีใครเหลือให้เผชิญทุกข์ต่อ แต่เพื่อนบ้านที่อยู่ข้างหลังต้องจัดการงานศพและเรื่อวราวต่างๆ กันอีก      เป็นอันว่าแม้ตายไปแล้วแต่ใช่ว่าปัญหาจะหมดไปตามผู้ตาย แต่ยังมีปัญหาค้างคาอยู่ให้คนอื่นต้องแก้ต่อไปเสมอๆ

นักโทษรายหนึ่งติดคุกมาสิบกว่าปี เพิ่งจะออกจากคุกมาเมื่อเดือนพฤษภาคมนี่เอง ออกจากคุกแล้วไม่รู้ว่าจะทำมาหากินอะไร ไม่ใช้ปัญญาไตร่ตรอง มุ่งหน้าค้ายาบ้าแสนกว่าเม็ด  คาดว่าทำงานครั้งเดียวรวย มีกินมีใช้ไปตลอดชีวิต แต่ไปไม่รอดถูกตำรวจจับได้คงต้องเข้าไปทำมาหากินในคุกไม่ต่ำกว่าสามสิบ หรือห้าสิบปีอีกเป็นแน่แท้

นี่คือการแก้ปัญหาตามสัญชาตญาณแห่งการอยู่รอดเท่าที่คิดได้โดยยังไม่ใช้ปัญญา

อีกรายหนึ่งเด็กอายุสิบสามปี พ่อทิ้งให้อยู่กับแม่กับพี่น้องอีกเจ็ดคนในแหล่งเสื่อมโทรมของกรุงเทพฯ    ไปโรงเรียนถูกเพื่อนดูถูกหยามหมิ่นว่าเป็นลูกคนจนไม่มีพ่อ รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกลับมาบ้านปรึกษากับแม่ๆ จึงสอนว่าลูกเอ๋ย  ถึงเรายากจนก็ไม่ต้องท้อถอย เมื่อเราจนเราต้องทำงานสุจริตหาเงินให้หายจน

แม่ไม่สอนลูกเปล่าๆ แต่ทำขนมให้ลูกมานั่งขายตามฟุตบาท ขายเรื่อยไปแปลงคำหมิ่นเหยียดหยามให้เป็นพลังฮึดสู้ ไม่นานเด็กคนนั้นและแม่ก็มีเงินกินขนมกินข้าวซื้ออุปกรณ์การเรียนที่จำเป็น

ฝ่ายแม่ก็ไม่ยอมแพ้ชีวิต ทำงานหนักทำงานมากชวนลูกๆ ลุยงานไม่ท้อแท้     นับว่าเป็นยอดคุณแม่จริงๆ เป็นแม่พิมพ์ตัวจริงเสียงจริงที่พิมพ์ลูกดีมีคุณธรรมออกมาสู่สังคม

จนอยู่มาวันหนึ่ง  มีคนไปซื้อขนมเด็กคนนี้แล้วนำมาลงเฟซบุ๊ค ใครๆ ก็สงสารพากันมาซื้อขนมอุดหนุนกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง บางคนซื้อขนมสิบห่อทิปเงินให้สามพันรางวัลความดีและขยัน ตอนนี้มีเงินหลายหมื่นบาทเก็บฝากธนาคารไว้  หวังว่าคงจะเป็นทุนของครอบครัวที่มีแม่ดีนำลูกทำมาหากินให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป

นี่คือตัวอย่างของการใช้ปัญญาแก้ปัญหาที่ไม่มีผลข้างเคียงอันจะสร้างปัญหาต่อไป ตรงกันข้ามมีแต่จะเจริญก้วหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป

เมื่อเผชิญปัญหาทุกครั้งอย่าลุกลี้ลุกลนแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ชั่ววูบ    แต่จะแก้ปัญหาด้วยปัญญาพิจารณาอย่างถ้วนถี่  แล้วปัญหานั้นจะหมดไปอย่างไม่เหลือเชื้อให้แก้อีก แต่ปัญหาจะกลายเป็นปุ๋ยแห่งความเจริญก้าวหน้าเข้ามาแทนที่ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังเผชิญปัญหา     จงพบทางสว่างที่ออกจากปัญหาอันแสนยากลำบากด้วยความปลอดภัยเถิด

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน 2558

เวลา 10:52 น.

วัดพุทธธรรมเมืองวิลโลบรูค อิลลินอยส์

ดร.พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ

เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา, วัดพุทธธรรมและวัดลอยฟ้า

www.buddhapanya.org & www.skytemple.org

 

รู้แล้วทำเลย

รู้แล้วทำเลย

จิตแพทย์คนหนึ่ง สนใจวิชาสมาธิภาวนา มาขอภาวนาด้วย ก่อนจะได้ภาวนา คุณหมอได้สนทนาธรรมเกี่ยวกับการปฏิบัติที่อ่านมาจากตำราต่างๆ มากมาย    จนจัดว่า คุณหมอเป็นผู้มีความรู้ด้านภาวนาดีคนหนึ่งในวงการชาวพุทธทีเดียว

อาตมาพิจารณาแล้วว่า ผู้มีความรู้เช่นนี้ มีสมองเป็นเลิศ คิดเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว หากสนใจสมาธิภาวนาก็ควรได้ลงมือปฏิบัติให้มากกว่าจะชวนคิดชวนคุยต่อไปจึงนัดวันกันว่า ทุกวันจันทร์และวันศุกร์จะมาฝึกฝนการภาวนาด้วยกันตั้งแต่เวลา 9.00-10.00 น.

คุณหมอเป็นคนขยันมีระเบียบวินัยตรงต่อเวลาและเป็นผู้มีฉันทะและอิทธิบาทข้ออื่นๆ ครบถ้วนจริงๆ      สิ่งที่แสดงว่าคุณหมอสนใจการฝึกมากก็คือ เมื่อได้เวลาฝึก คุณหมอจะมาก่อนเวลาเสมอ มาถึงแล้วไม่รอช้าลงมือฝึกฝนกันเลยทีเดียว

การฝึกที่ว่านี้คือนั่งสมาธิ ต่างคนต่างนั่งหันหน้าเข้าหาองค์พระพุทธปฏิมา แล้วตั้งใจภาวนาเพื่อพัฒนาตัวรู้โดยมีลมหายใจเป็นหลักในการวางสติหรือในการที่สติจะเกาะติดสมกับคำว่าอานาปานสติ การใช้สติกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก

การลงมือปฏิบัติอย่างนี้คือการเข้าไปสู่ประสบการณ์การมีสติและการรู้สึกตัวทั่วพร้อมโดยตรง รู้สึกมากเท่าไร ก็เป็นสมาธิเท่านั้น ส่วนที่เผลอสติ ปล่อยใจให้ท่องเที่ยวไปในภพน้อยภพใหญ่เนิ่นนานแค่ไหน ก็ถือว่าไม่เป็นสมาธิ

นี่คือวิธีปฏิบัติที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องท่องจำมนต์บทใด ไม่ต้องรู้ภาษาบาลีที่ยากเย็นแต่ประการใด รู้เข้าไปตรงๆ เลย  เมื่อรู้ก็บอกว่ารู้ เมื่อไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ รู้ก็รู้ ไม่รู้ก็รู้ว่าช่วงใดไม่รู้ นั่นแหละเรียกว่า เจริญสติ คือ มีความระลึกรู้สึกได้

เมื่อฝึกฝนเสร็จก็ได้สนทนากันต่อ คุณหมอได้เล่าถึงความรู้สึกว่า การนั่งวันนี้สงบเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ ฟุ้งซ่านถึง 80 เปอร์เซ็นต์

อาตมาบอกคุณหมอว่า การเรียนรู้เริ่มบังเกิดแล้ว คือ สามารถรู้ว่าฟุ้งเท่าไร สงบเท่าไร สิ่งที่จะต้องทำต่อไปคือ ทำอย่างไรจึงจะเพิ่มความสงบจากเดิมขึ้นไปเรื่อยๆ

ไม่มีทางอื่นใดนอกจากฝึกฝนๆ ฝึกฝน เท่านั้น คุณหมอท่านได้ทราบแล้วไปฝึกต่อที่บ้านอีก

สัปดาห์ต่อมาคุณหมอมาฝึกอีกคราวนี้บอกว่า ฝึกได้ดีกว่าวันก่อนๆ ที่เคยฝึกมาเพราะฝึกที่บ้านหลายรอบๆ ละ 45 นาที ตอนนี้มีอาการเหมือนติดสมาธิ

อธิบายให้คุณหมอฟังว่า ไม่ติดสมาธิหรอก แต่เป็นการเพลิดเพลินในธรรม ใคร่ในธรรม มีความสุขในธรรม ดั่งคำที่ว่า ธัมมกาโม ภะวังโหติ แปลว่า ผู้ใคร่ธรรมเป็นผู้เจริญ ตอนนี้คุณหมอกำลังอยู่ในอาการใคร่ธรรม พยายามประคองอาการเช่นนี้ไว้

จะทำให้เกิดฉันทะในการภาวนายิ่งขึ้น เพราะทำสิ่งใดมีความสุขก็จะเพลิดเพลินกับการกระทำนั้น จะเป็นพลังขับเคลื่อนการภาวนาให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป

วันต่อมาหลังจากคุณหมอนั่งสมาธิภาวนาเรียบร้อยแล้ว ได้อธิบายความรู้สึกว่า เมื่อเช้าก่อนจะขึ้นมาภาวนาได้เห็นอุบาสิกาคนหนึ่งกำลังทำสวนอกไม้อยู่หน้าศาลาวัดพุทธธรรม รีบทักทายแล้วขึ้นมาเจริญภาวนา เริ่มภาวนาไปได้สัก 10 นาทีก็หวนกลับมานึกถึงพยาบาลคนนั้นว่า เคยทำงานกันมากี่ปี ทำอะไรบ้าง เธอเป็นคนดีอย่างไรบ้าง จนกระทั่งลืมพิจารณาลมหายใจไปเสียสนิทเลย

อาการอย่างนี้เรียกว่าอย่างไร

จึงอธิบายว่า นี่คือการเกิดขึ้น ของสัญญาขันธ์ และสังขารขันธ์ในขันธ์ห้า กล่าวคือ พอตาเห็นรูป วิญญาณขันธ์ก็ปรากฏ ตากับรูป เป็นรูปขันธ์ รู้สึกพอใจ เป็นเวทนาขันธ์ จำได้ว่าเป็ใคร เป็นสัญญาขันธ์ คิดแล้วคิดอีกเรื่องที่จำได้นั้นก็เป็นสังขารขันธ์ คิดวนไปเวียนมาไม่ยอมไปที่ไหนอื่นจัดเป็นสังสรวัฏฏ์ในสังขารขันธ์ คือเวียนไปเวียนมาไม่ออกไปไหนอยู่เป็นเวลานาน คิดไปคิดมาถ้าสักว่าคิดก็ไม่เป็นไรแต่ถ้ามีตัณหาและอุปาทานเข้าไปยึดมั่นถือมั่น ก็เป็นทุกข์ดั่งคำว่า สังขารา ปรมา ทุกขา ยิ่งคิดมาก ยิ่งเป็นทุกข์

หรือถ้านั่งคิดถึงคนๆที่ได้เห็นเป็นเวลานานๆ โดยลืมคิดถึงเรื่องอื่นทั้งหมด เท่ากับว่า สังขารขันธ์ หนึ่งในห้าขันธ์ กำลังทำงานอย่างเต็มที่ อันสอดคล้องกับบทกรวดน้ำของสวดมนต์แปลที่ว่า มีขันธ์ขันธ์เดียว กำลังท่องเที่ยวไปในภพน้อยภพใหญ่ คือ กำลังคิดถึงเรื่องใหญ่บ้าง เรื่องเล็กบ้าง อย่างกัดติดไม่เคลื่อนไปไหน

นี่คือประสบการณ์การศึกษาที่ผ่านการภาวนาจิตได้สัมผัสสัจธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงจากสภาวธรรมชาติที่แท้จริงแบบตรงๆ ไม่ต้องคาดคะเนอีกแล้ว คุณหมอเป็นนักวิทยาศาสตร์จึงได้สัมผัสพุทธธรรมตรงๆ ในภายในเมื่อเฝ้ามองด้านในอย่างนี้ เป็นประสบการณ์ตรงแล

สนทนาธรรมกันพอสมควรแล้ว คุณหมอก็กราบพระพุทธรูปในอุโบสถและกราบพระสงฆ์ที่ร่วมภาวนาด้วยอย่างน้อยอีกหนึ่งสัปดาห์จะได้มาพบกันเพื่อสร้างสรรส่งเสริมเพิ่มเติมความสะอาด ความสว่างและความสงบพบสันติสุขต่อไป

วัดพุทธธรรม เมืองวิลโลบรูค รัฐอิลลินอยส์

วันที่ 9 มิถุนายน 2558

ดร.พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ

เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา, วัดพุทธธรรมและวัดลอยฟ้า

www.buddhapanya.org & www.skytemple.org

 

 

ประชุมสมัชชาสงฆ์ฯปี 2558

ประชุมสมัชชาสงฆ์ฯปี 2558

การประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาประจำปี 2558 นับเป็นการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาครั้งที่ 39 ระหว่างวันที่ 12-13 มิถุนายน 2558 ณ วัดไทยลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้สิ้นสุดลงแล้ว

20150701-1 (2) ก่อนจะมีการประชุมสมัชชาสงฆ์ฯ ได้มีการประชุมสัมมนาเรื่องการเรียนการสอนศาสนาและภาษาไทยตามวัดต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาและวันต่อมาก็ได้มีการสัมมนาเรื่องพุทธศาสนาและสันติภาพโลก ซึ่งมีพระสงฆ์ผู้ทรงความรู้และคุณธรรมเข้าร่วมพอสมควร

การประชุมสัมมนาทางวิชาการนี้ถือว่า เป็นงานประชุมสัมมนาที่ได้เนื้อหาสาระพอสมควร มีพระธรรมทูตที่มาประชุมเข้าร่วมน้อยเพราะเพิ่งจะเดินทางมาถึง ยังต้องหาที่พักและจัดการเรื่องต่างๆ หลายๆ อย่างให้เข้าที่เข้าทางจึงยังมีความตั้งใจในการประชุมสัมมนาทางวิชาการน้อยไป

เช้าวันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2558 พระธรรมทูตจากส่วนต่างๆ ของโลกมาสัมมนาอย่างคึกคัก เมื่อลงทะเบียนเสร็จแล้วเข้าประชุมกันอย่างพร้อมเพรียงและพร้อมหน้า การประชุมในช่วงเช้ากระทำได้เพียงพิธีเปิดและฟังสุนทรพจน์ของพระมหาเถระและแขกผู้มีเกียรติพร้อมด้วยการถ่ายภาพหมู่ ต่อด้วยการฉันภัตตาหารเพลและพักผ่อนตามอัธยาศัย20150701-1 (7)

การประชุมภาคบ่ายเริ่มด้วยการพูดแสดงความคิดเห็นของพระมหาเถระระดับบริหารคณะสงฆ์จากประเทศไทยและประเทศอินเดีย มีพระนักเคลื่อนไหวทางการเมืองขาประจำที่ต่อสู้ขับเคี่ยวอยู่กับสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งประเทศไทยในประเด็นกว้างๆ ไม่ชี้ชัดลงไปว่าประเด็นไหนเป็นอย่างไร ไม่มีข้อสรุป ไม่มีมติ แต่พอจะจับภาพรวมกว้างๆ ว่าบัดนี้ภัยของพุทธศาสนามาถึงแล้ว แต่ก็ มิได้ชี้ลงไป20150701-1 (4)ว่า ภัยที่ว่านี้มีมาอย่างไร คืออะไร ผู้ที่พูดก็บอกว่าต้องช่วยกัน แต่ไม่มีการแนะนำว่าช่วยกันอย่างไร มีการบอกว่าเมืองไทยอยู่ในมุมมืด แต่ไม่ได้ชี้ว่าอะไรทำให้มืด อวิชชาใช่หรือไม่ ทั้งพระฝ่ายบริหารและฝ่ายเคลื่อนไหวพูดกันมาก สุดท้ายบทสรุปคล้ายๆ หาเวทีมาบ่นกันฟัง ไม่มียุทธศาสตร์ยุทธวิธีแต่อย่างใด จากนั้นก็เงียบไม่มีการพูดถึงอีกเลย

พ้นจากเรื่องนี้แล้วก็นำเรื่องอื่นๆ ที่ไม่มีในวาระเข้ามาแทรกชนิดที่ว่า คิดอะไรขึ้นมาได้ก็ใส่เข้าไปทันทีทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าท่านประธานจะชี้ให้ใครพูด

เวลาผ่านไปถึง 18.00 น. ท่านประธานจึงปิดประชุมนัดประชุมใหม่อีกครั้งเวลา 19.30 น.     เริ่มเข้าวาระการประชุม ภาคค่ำส่วนใหญ่เน้นไปที่การประชุมเรื่องการบริหาร จัดการเรื่องการเรียนการสอนบาลีในประเทศสหรัฐอเมริกาจนถึงเวลา 22.00 น.จึงปิดประชุม

วันที่ 13 มิถุนายน 2558 เริ่มประชุมตั้งแต่ตอนเช้าเวลา 8.30 น. เนื้อหาในการประชุมเป็นเรื่องการเสนอรายชื่อพระธรรมทูตใหม่เข้าไปสู่สมัชชาสงฆ์ไทยในประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ไม่มีความพร้อมจึงผ่านไป   20150701-1 (5)  ต่อมาก็พูดเรื่องกองทุนพระภิกษุอาพาธพอเห็นรูปเห็นร่างได้เรื่องได้ราวบ้างแล้วผ่านไป

เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ วันที่ 10 มิถุนายน 2559 จะมีการประชุมสมัชชาสงฆ์ที่วัดสุทธาวาส เมืองริเวอร์ไซด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย

จากนั้นก็เป็นรายการประจำคือ ฟังท่านโสบิน โสปาโกโพธิ เล่าความหลังครั้งเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาใหม่ๆ เมื่อสี่สิบปีที่แล้วและร่วมกันตั้งสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา นับเป็นประวัติศาสตร์ที่ต้องจดจำ      ท่านเดิทางเข้ามาสอนกัมมัฎฐาน แต่ยังสงสัยเรื่องราวทางโลกบางประเด็นที่ที่ท่านไม่มีประสบการณ์จึงตัดสินใจสละสมณเพศสึกออกไป ซึ่งทำให้พระสงฆ์ทั้งหลายตั้งคำถามกันว่าเป็นถึงพระวิปัสสนาจารย์ผู้องอาจแต่ยังข้ามวิจิกิจฉามิได้ วิปัสสนาที่ท่านเรียนและสอนมาเป็นเช่นไร หรือ ข้ามสมถะแล้วไปเรียนวิปัสสนาโดยมิได้จัดการนิวรณ์ให้ราบคาบเสียก่อนแล้วไปดูการเกิดดับ ของนามรูปเป็นลำดับไป

นี่ก็เป็นเสียงสะท้อนจากพระภิกษุที่มิได้เป็นวิปัสสนาจารย์แต่ท่านสามารถอยู่ทนทานในพรหมจรรย์ได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน

ท่านมีเรื่องพูดมากมายแต่เวลาหมดเสียก่อน ท่านประธานเลยขอให้ท่านไปฉันเพลก่อนถ้ามีอะไรยังคั่งค้างนิมนต์ภาคบ่ายต่อไป

อาหารเพลอุดมสมบูรณ์เพราะเมื่อประชาชนได้ทราบว่า จะมีการเลี้ยงภัตตาหารเพลพระก็หลั่งไหลมาเลี้ยงกันทั่วทุกทิศอย่างพอเพียงและเหลือเฟือ พระสงฆ์ฉันภัตตาหารเพลแล้วพักผ่อนตามอัธยาศัย  ก็เดินมาเยี่ยมเยือนซุ้มแจกหนัง20150701-1 (6)

สือของวัดพุทธปัญญาและวัดอตัมมยตา ซึ่งต่างก็มีหนังสือมาแจกกันอย่างมากมาย แจกกันไม่หมดเพราะพระธรรมทูตทั่วไปท่านก็รู้สึกตัวว่าเก่งแล้วจะมาอ่านหนังสือแจกอย่างนี้ก็กระไรอยู่ เลยเดินมามองแล้วผ่าน       แต่พระสงฆ์ที่มาจากเมืองไทยล้วนรับแจกหนังสือกันไปคนละหลายเล่มอย่างน่าชื่นใจ

ได้เวลาประชุมภาคบ่าย พระสงฆ์ทั้งปวงก็เข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียงกันอีก เรื่องที่จะปรึกษาหารือก็หมดแล้ว  ก็นิมนต์พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่จากเมืองไทยหลายรูปขึ้นปราศัยแก่ผู้เข้าร่วมประชุม ได้ข้อคิดดีเหมือนช่วยเติมไฟการทำงานให้แก่พระธรรมทูตที่ทำหน้าที่มานานได้มีพลังใจลุกขึ้นมาทำงานด้วยความสดชื่นเบิกบานต่อไป

20150701-1 (7)วลาประมาณ 16.00 น. พระพรหมสิทธิ มีหน้าที่กำกับดูแลพระธรรมทูตต่างประเทศ ได้ทำพิธีปิดงานประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาประจำปีพุทธศักราช 2558

โดยกล่าวชื่นชมพระธรรมทูตทุกคนที่ขวนขวายทำหน้าที่ด้วยความยากลำบากจนสามารถขยายวัดไปทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาได้ถึง 110 วัดภายในเวลา 40 ปี ซึ่งถือว่าเป็นการกระจายตัวของวัดไทยที่มีนัยสำคัญ จึงขอขอบคุณพระธรรมทูตทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ที่เสียสละกำลังกายกำลังใจกำลังความรู้และความสามารถในการสร้างวัดให้กระจายไปทั่วอเมริกา

การจัดงานประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาจบลงด้วยดี ด้วยการร่วมมือ ร่วมแรง และร่วมใจ ของพุทธบริษัททุกฝ่าย นับตั้งแต่คณะสงฆ์และพุทธบริษัทวัดไทยลอสแอนเจลิส คณะพุทธบริษัทจากวัดต่างๆในสหรัฐอเมริกาที่เสียสละเพื่อให้งานนี้ดำเนินไปด้วยดี

คณะพุทธบริษัทวัดพุทธปัญญาได้ร่วมกันทำโรตีถวายอาหารเช้าแก่พระสงฆ์และพุทธบริษัทที่มาร่วมงานประชุมระหว่างวันที่ 12-13 มิถุนายน 2558 ขออนุโมทนามา ณ โอกาสนี้20150701-1 (1)

หัวใจสำคัญของการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่พระสงฆ์ได้มาสมัครสมานสามัคคีกันศึกษาและเรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกันและกันนำความคิดเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ในขีวิตประจำวันให้เกิดประโยชน์แก่วัดและแก่ชุมชนของตนๆสืบไป

วันที่ 16 มิถุนายน 2558

เวลา 10.47 น.

วัดพุทธธรรมเมืองวิลโลบรูค รัฐอิลลินอยส์

ดร.พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ

เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา, วัดพุทธธรรมและวัดลอยฟ้า

www.buddhapanya.org & www.skytemple.org

 

 

การปฏิบัติธรรม

การปฏิบัติธรรม

บ่ายวันหนึ่ง อุบาสกท่านหนึ่ง เดินทางมาเยี่ยมที่วัดพุทธธรรม แล้วแนะนำตัวเองว่า ผมมาอยู่ที่ชิคาโก้หลายปีแล้วตั้งใจทำมาหากินจนลูกเรียนจบ แยกย้ายกันไปทำงานตามที่ต่างๆ ภรรยาเสียชีวิตปีที่แล้ว ผมชอบการท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ เพราะไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทอง ไม่มีห่วงกังวล จะไปไหนก็ไปได้ทันที        แต่ผมไม่ค่อยได้ไปวัดเพราะคิดว่าไม่จำเป็นจะต้องไปวัด เรื่องปฏิบัติธรรมจะปฏิบัติที่ไหนก็ได้ ท่านว่าผมคิดถูกไหมครับ

อุบาสกคนนี้คุยมาเสียนานต้องการให้อาตมายอมรับในสิ่งที่เรียกว่า การปฏิบัติธรรมที่ตนกระทำด้วยความคิดของตนว่าเป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง

เมื่อสบโอกาสที่อุบาสกเงียบเสียงลงชั่วคราว อาตมาจึงบอกอุบาสกคนนี้ว่า เบื้องต้นต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่า การปฏิบัติธรรมคืออะไร ต้องนิยามกันให้ชัดเจน เมื่อได้นิยามชัดเจนแล้ว ก็นำคำนิยามนี้ไปตรวจสอบว่า สิ่งที่ได้ปฏิบัติไปนั้นถูกต้องหรือผิดพลาดอย่างไร

การปฏิบัติธรรม คือ การปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติถูกต้องทางกาย วาจา และใจ เมื่อปฏิบัติลงไปแล้วไม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อน ก่อนปฏิบัติก็เป็นสุข กำลังปฏิบัติก็เป็นสุข ปฏิบัติแล้วก็เป็นสุข และเป็นเหตุแห่งความสุขทั้งในวันนี้และในวันข้างหน้า รวมถึงโลกนี้และโลกหน้าด้วย

จุดสำคัญแห่งการปฏิบัติธรรม คือ กาย วาจา และใจ ที่ใดมีกาย วาจาและใจ ที่นั้นเป็นสถานที่ที่พร้อมจะปฏิบัติธรรมได้เสมอๆ

หากที่บ้านมีการปฏิบัติชอบทางกาย วาจาและใจ ที่บ้านจะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมอย่างดี

หากขับรถด้วยการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามกรอบกฎหมายทางกาย วาจาและใจ ในรถก็เหมาะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม

หากที่ทำงานมีการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทางกาย วาจา และใจ ที่ทำงานก็เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการปฏิบัติธรรม

ในสถานที่อื่นๆ รวมถึงวัดวาอาราม ก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน ล้วนเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมได้ด้วยกันทั้งนั้น

อุบาสกถามต่อไปว่า ถ้าปฏิบัติธรรมที่บ้านได้แล้วไซร้ ทำไมคนทั่วไปจึงพากันมาวัดแทนที่จะปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้าน

เรื่องนี้อาตมาตอบแทนคนมาวัดไม่ได้ จริงอยู่แม้พวกเขาจะสามารถปฏิบัติธรรมที่บ้านได้ แต่การที่แต่ละคนมาวัดย่อมมีจุดประสงค์ของตนๆ ในการมาวัดเหมือนกัน

บางคนรู้สึกว่า พอมาถึงวัดจะได้ร่วมกิจกรรมของชุมชนของวัดซึ่งล้วนแต่ส่งเสริมการปฏิบัติธรรม เช่น การลดความเห็นแก่ตัวซึ่งเป็นรากฐานแห่งการปฏิบัติธรรมอื่นๆ ด้วย

หากใครมีเจตนาอันเป็นกุศลเช่นนี้ ก็เป็นอันหวังได้ว่าย่อมมาเพื่อการปฏิบัติธรรมเป็นแน่แท้ และวัดก็เป็นที่ปฏิบัติธรรมแน่นอน

20150701บางคนไม่สนใจธรรมะแต่ชอบมาวัดเพราะจะได้พบปะสังสรรค์เพื่อนฝูงที่ล้วนมาจากที่ต่างๆ วัดเป็นศูนย์รวมคนต้องการเพื่อนจากทั่วสารทิศ เป็นแหล่งแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ความรู้ต่างๆ และประสบการณ์ของกันและกันอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง

บางคนบางกลุ่มมาวัดเพื่ออวดมั่ง อวดมี อวดร่ำ อวดรวย ต้องการการยกย่องยอมรับของชุมชนหรือสังคมนั้นๆ หากเข้าไปวัดหนึ่งแล้วยังไม่ได้รับการยอมรับจากสมาชิกจนเป็นที่พอใจของเขา ก็จะร่อนเร่ไปวัดอื่นๆๆ ต่อไปจนกระทั่งได้สิ่งที่ปรารถนา

คนที่เข้าวัดด้วยเจตนาแบบนี้ไม่ว่าที่บ้าน ที่วัดหรือ ที่ไหนๆ ล้วนมิใช่สถานที่ปฏิบัติธรรมทั้งสิ้น

ส่วนบุคคลบางคนมีความปรารถนาจะทำดี พูดดี คิดดี มีความถูกต้องทางกาย วาจา และใจ บ้านหรือวัดก็เป็นสถานที่ควรแก่การปฏิบัติธรรมทั้งสิ้น

หากบุคคลเหล่านี้มาปฏิบัติธรรมที่วัด ก็ถือว่า เป็นการรวมคนดีที่ใฝ่ธรรมให้มีพลังมากยิ่งๆ ขึ้นไป      เพราะวัดทุกวัด ชุมชนทุกชุมชน สังคมทุกสังคม ล้วนต้องการให้คนดีรวมตัวกันมากๆ แล้วจะได้วัดดี ชุมชนดี สังคมดี มีพลังในการขับเคลื่อนกิจกรรมที่ดีงามมากมาย และจะได้ภาพพจน์ดีที่มีธรรมคอยนำทางสว่างไสวสวยงาม

วัดพุทธธรรม เมืองวิลโลบรูค รัฐอิลลินอยส์

23 มิถุนายน 2558

เวลา 14.51 น.

ดร.พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ

เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา, วัดพุทธธรรมและวัดลอยฟ้า

www.buddhapanya.org & www.skytemple.org