Daily Archives: 07/29/2015

สามัญญลักษณะ

  สามัญญลักษณะ

สามัญญลักษณะ แปลตรงตัวว่า ลักษณะที่เหมือนกันของสิ่งทั้งปวง มีอยู่สามประการคือ อนิจจัง (ไม่เที่ยง) ทุกขัง (ทนได้ยาก) อนัตตา (มิใช่ตัวตน)

image20150728 (1)ามัญญลักษณะนี้เป็นอมตธรรมดำรงอยู่ตลอดกาล ทำหน้าที่ควบคุมสรรพสิ่งตั้งแต่ธุลีดินไปถึงโลกและดวงอาทิตย์ในสากลจักรวาลให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติ

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในนิยามสูตรอันว่าด้วยเรื่องพระธรรมเป็นผู้กำหนดว่า พระตถาคตจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ตาม อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา มีอยู่ตลอดเวลา พระองค์เป็นผู้มาตรัสรู้และนำมาบอกกล่าวเล่าให้ฟัง เปิดเผยimage20150728 (2)ให้ทราบเท่านั้น

พระองค์ตรัสว่า สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา เป็นอย่างนี้อยู่เสมอ

พระพุทธเจ้าทรงตรัสอธิบายวิธีพิจารณาความไม่เที่ยงและความเป็นอนัตตาไว้ในคิริมานนทสูตรว่า รูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง

แม้เรื่องความไม่เที่ยงจะเป็นกฎธรรมชาติที่ควบคุมสรรพสิ่งครอบคลุมไปทั่วสากลจักรวาลก็ตาม       แต่หากพิจารณาเพื่อความพ้นทุกข์ พระองค์ทรงนำพระพุทธสาวกให้กลับมาสู่ชีวิตเพื่อพิจารณาขันธ์ห้าอันเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของชีวิตว่า ไม่เที่ยง

พระองค์ได้ทรงสั่งสอนวิธีพิจารณาอนัตตาเอาไว้ว่า ตา เป็นอนัตตา หู เป็นอนัตตา จมูกเป็นอนัตตา ลิ้นเป็นอนัตตา กาย เป็นอนัตตา ใจ เป็นอนัตตา นี่คือ อายตนะภายใน ที่แปลว่า รอยต่อ หรือจุดเชื่อมแห่งองค์ความรู้ซึ่งimage20150728 (3)เชื่อมกับอายตนะภายนอก ได้แก่ รูป เสียง  กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ แล้วเกิด วิญญาณ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ตามลำดับ

พระพุทธเจ้าสอนว่า ทั้งอายตนะภายนอกและอายตนะภายในที่ทำหน้าที่ต่อกันเพื่อให้เกิดความรู้นี่แหละเป็นอนัตตาหมด ไม่มีอะไรที่เป็นอัตตาเลยแม้แต่เรื่องเดียว ดังที่พระองค์ทรงตรัสสอนเสมอว่า ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

คำว่า ธรรมในที่นี้แปลว่า ธรรมชาติ ซึ่งครอบคลุมทั้งกายทั้งจิต ทั้งนาม ทั้งรูป ไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่พระนิพพานอันเป็นสภาวธรรมสูงสุด

ในอนัตตลักขณสูตร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสลักษณะของอนัตตาไว้ชัดเจนว่า จะไม่สามารถบังคับบัญชาหรือขอร้องขันธ์ห้า ว่า อย่าให้ป่วย อย่าให้เป็นอย่างนั้น อย่าให้เป็นอย่างนี้ จงเป็นอย่างนั้นจงเป็นอย่างนี้ ใดๆ ได้เลย

ในอนัตตลักขณสูตรเช่นกัน พระองค์ตรัสลักษณะเด่นของ ทุกข์ ไว้ว่า สิ่งใด ไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา

คำว่า มีความแปรปรวนเป็นเป็นธรรมดา คือ คำจำกัดความของคำว่าทุกข์ ที่ครอบคลุมสังขารทั้งที่มีใจครองและไม่มีใจครองทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมไปได้ทั้งหมด สิ่งใดสิ่งหนึ่งปรากฏแล้วย่อมแปรปรวนไป เป็นธรรมดา ความแปรปรวนนี้เป็นผลตามกระบวนการลูกโซ่มาจากความไม่เที่ยงนั่นเอง

เป้าหมายของความเข้าใจเรื่องไตรลักษณ์ หรือกระทำให้แจ้งเรื่องไตรลักษณ์อยู่ที่ การไม่สำคัญมั่นหมายว่าเป็นเราหรือเป็นของเราตามพระพุทธพจน์ที่ว่า ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเรา

image20150728 (4)ระองค์ได้ทรงแสดงสัจธรรมนี้แก่ปัญจวัคคีย์ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี      เมื่อปัญจวัคคีย์สดับธรรมตามพระองค์ไป ได้ประจักษ์แจ้งสามารถแทงตลอดธรรมนั้น แล้วตอบพระพุทธองค์ว่า ไม่ควรเลยพระพุทธเจ้าข้า

ตามประวัติเล่าว่า ครั้งแรกพระพุทธเจ้าแสดงพระธัมมจักกัปปวัตนสูตร พระอัญญาโกณฑัญญะเท่านั้นที่บรรลุเป็นพระโสดาบันด้วยบทสรุปว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นจากเหตุเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งปวงก็ดับไปเพราะเหตุเป็นธรรมดา

ต่อมาพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเบ็ดเตล็ดอีกระยะหนึ่ง ปัญจวัคคีย์ทั้งหมดบรรลุพระโสดาบัน      จากนั้นพระองค์จึงเรียกประชุมพระปัญจวัคคีย์มาฟังอนัตตลักขณสูตรพร้อมกัน  นำให้พระปัญจวัคคีย์บรรลุพระอรหันต์ พร้อมกัน

เป้าหมายหลักของพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงขันธ์ห้าว่าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เพื่อให้สาวกเข้าถึงความจริง ปล่อยวางทุกสิ่งเข้าสู่พระนิพพานนั่นเอง

แม้พระองค์จะตรัสถึง ทั้งอนิจจัง ทุกขังและอนัตตาอย่างละเอียดละออยิ่ง แต่เพราะจุดเน้นเป้าหมายปลายทางอยู่ที่อนัตตา จึงเรียกสูตรนี้ว่า อนัตตลักขณสูตร

เนื้อหาสาระแห่งไตรลักษณ์หลักๆ ที่พอจะประมวลมาเล่าสู่กันฟังย่อๆ ขอยุติแค่นี้ก่อนโอกาสหน้าจะมาเล่าสู่กันฟังใหม่ ขออวยพรให้ท่านผู้อ่านจงเข้าถึงพระไตรลักษณ์ถอนรักถอนชังในขันธ์ห้า เข้าถึงความร่มเย็นแห่งบรมธรรมตามลำดับเทอญ

วัดพุทธปัญญา เมืองโพโมน่า มลรัฐแคลิฟอร์เนีย

วันที่ 20 กรกฎาคม 2558

เวลา 8.10 น.

ดร.พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ

เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา, วัดพุทธธรรมและวัดลอยฟ้า

www.buddhapanya.org & www.skytemple.org

 

 

เหตุแห่งทุกข์

 เหตุแห่งทุกข์

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นักเล่นเฟซและเล่นไลน์คงจะได้รับข่าวสารที่ร้อนสุดขีด  เกี่ยวกับเรื่องรักร้าวของดารานักร้องสองคนคือ แตงโมกับโตโน่ รักร้าวของสองรายนี้เกิดเป็นเรื่องราวออกสื่อใหญ่โต เมื่อแตงโมตัดสินใจฆ่าตัวตาย จนคนใimage20150728-1 (2)กล้ชิดต้องนำตัวเข้าโรงพยาบาลแล้วคุณหมอช่วยชีวิตไว้ได้ทัน

ประมวลข่าวย่อๆ พอจับความได้ว่า แตงโมนั้นตรอมตรมทุกข์ทรมานเพราะโตโน่ บอกลาจากความรักที่เคยหวานชื่นกันมา แตงโมทนต่อการพลัดพรากไม่ได้ก็รู้สึกทุกข์ทรมาน      ส่วนโตโน่ก็ทุกข์พอๆ กัน  แต่เป็นความทุกข์ที่ไม่ปรารถนาจะร่วมชีวิตกับคนรักต่อไป เรียกว่าน้ำผึ้งขมไปเรียบร้อยแล้ว     แม้แตงโมจะฉุดรั้งให้กลับมาด้วยเดิมพันชีวิตก็ไม่กลับมาคืนดีดังเดิมแล้ว ดังแก้วที่มันร้าวไม่นานก็คงจะแตก หรือถึงขั้น ดั่งแก้วบางเขาทุบทิ้งแตก ใจฉันแหลกเพราะน้ำมือเธอ อย่างไงอย่างงั้น

หากดูข่าวคราวหรือดูละครแล้วย้อนมาดูใจ เป็นการศึกษาธรรมะไปด้วย  จะพบธรรมะที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นเหตุแห่งทุกข์ได้อย่างชัดเจน

เหตุแห่งทุกข์ดังกล่าวนี้มีสามประการ

  1. การพลัดพรากจากของรักของชอบใจก็เป็นทุกข์ ในเรื่องนี้ความทุกข์ของแตงโมมีสาเหตุมาจากการพลัดพรากคนรัก คือโตโน่
  2. ประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจก็เป็นทุกข์ ฟังตามกระแสข่าวที่ปรากฏออกมาโตโน่เป็นฝ่ายเดินจากไปชนิดที่ข้าวของก็ยังเก็บไปไม่หมด เพราะสาเหตุแห่งความไม่สุขใจพอที่จะอยู่ร่วมกันอีกต่อไป  เข้าตำราต้องประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่พอใจก็เป็นทุกข์ชัดเจน     เมื่อไม่รู้สึกรัก อยู่ด้วยกันก็เป็นทุกข์ จากกันไปดีกว่า
  3. ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นนั่นก็เป็นทุกข์ ประเด็นนี้ได้บทเรียนจากแตงโมผู้ปรารถนาจะร่วมชีวิตกับโตโน่ไปจนถึงวันตายจากกัน แต่ยังไม่ทันไรก็จากไปเสียแล้ว เธอจึงไม่สมหวังไม่สมปรารถนาก็ต้องเป็นทุกข์ระทมตรมตรอมคร่ำครวญหวนไห้ ครบกระบวนการทุกข์

เหล่านี้คือเหตุแห่งความทุกข์ที่มนุษย์มีมาตั้งแต่อดีต ปัจจุบันหรือในอนาคต หากใครเจอเหตุเช่นนี้ ความทุกข์ยังคงมีต่อไปไม่สิ้นสุด เพียงแต่เปลี่ยนคนที่รับความทุกข์ไปเรื่อยๆ เท่านั้น

สังคมยังตั้งคำถามต่อไปว่า ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ใช่ไหม

คำตอบคือ ที่ใดมีรัก ที่นั่นไม่มีทุกข์เสมอไปหรือที่เขารักกันเพราะยามรักมีความสุข

แต่อยากจะชี้ว่า ความทุกข์จะเกิดขึ้นต่อเมื่อพลัดพรากจากบุคคล วัตถุ หรือสิ่งของที่รัก

เมื่อเป็นเช่นนี้เมื่อใดที่ได้ครอบครอง วัตถุ สิ่งของหรือบุคคลที่รัก ต้องเตรียมทำใจไว้รอการพลัดพรากว่า วันนี้ของเรา พรุ่งนี้ไม่แน่ หรือเจริญกฎไตรลักษณ์ว่า สรรพสิ่งทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม รวมทั้งความรัก ล้วนimage20150728-1 (1)เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงแท้แน่นอน ทุกขัง ทนอยู่ได้ไม่นาน และอนัตตา หาตัวตนหรือสาระใดๆ มิได้  สิ่งทั้งหลายมีแต่ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป สิ่งทั้งหลายล้วนไหลไปไม่มีสิ่งใดคงที่ รับรู้เข้าใจสิ่งทั้งหลาย แล้วปล่อยผ่านไปไม่ยึดถือกอดรัด ไม่หนัก ไม่ทุกข์  ยึดมากทุกข์มาก ยึดน้อยทุกข์น้อย ไม่ยึดไม่ทุกข์

ขอเชิญชวนท่านทั้งหลายจงมีชีวิตด้วยสติมีความรู้สึกตัวทั่วพร้อมไม่ถูกไฟแห่งความสมหวังผิดหวังแผดเผาด้วยกันทุกท่านทุกคนเถิด

วัดพุทธปัญญา

วันที่ 13 กรกฎาคม 2558

เวลา 4.48 น.

ดร.พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ

เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา, วัดพุทธธรรมและวัดลอยฟ้า

www.buddhapanya.org & www.skytemple.org

 

เมื่อมีปัญหา

        เมื่อมีปัญหา

เชื่อว่าทุกคนที่เกิดมาเป็นมนุษย์ล้วนเคยเจอปัญหากันมาแล้ว และจะต้องพบปัญหากันอีกไปจนกว่าจะจากโลกนี้ไป      แต่หากนำเอาปัญหาที่เคยผ่านมาแล้วมาทบทวนก็จะพบว่า ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้และมีทางออกimage20150728-2 (1)เสมอ      ส่วนแก้ปัญหาแล้วปัญหานั้นจะหมดไปเสร็จสิ้นเด็ดขาดหรือยังหลงเหลืออยู่ นั่นก็คือการแก้ปัญหาที่มีผลออกมาแล้ว

ในฐานะที่เป็นมนุษย์เบาหวานคนหนึ่งที่เคียงคู่อยู่กับเบาหวานมาอย่างยาวนาน  ดูทีท่าเหมือนความรักของเราจะหวานชื่นขึ้นเรื่อยๆ จากร้อยกว่าจุด ถึงสองหรือสามร้อย สูงสุดเคยสูงถึง 700 จุด นับว่า รักกันแทบตายรือใจจะขาดเลยทีเดียว จึงอยู่ในฐานะแก้ปัญ

หาเบาหวานอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

สิ่งที่เป็นหัวใจของการแก้ปัญหาเบาหวานคือสติ ต้องคอยเตือนตนเองเสมอว่า ของหวานจากน้ำตาล หรือแป้งคาโบไฮเดรดต้องห่างไกล แม้ของหวานจากผลไม้ก็ต้องห่าง-

ไกล      แม้จะต้องฉันบ้างเพื่อฉลองศรัทธาต้องตระหนักเสมอว่า เราคือผู้ป่วยเบาหวาน สติจึงสำคัญที่สุด

นอกจากระวังความหวานจากแหล่งต่างๆ แล้ว การออกกำลังควบคู่กันไปก็สำคัญมาก หากไม่ยุ่งงานชนิดติดพันจริงๆ ต้องเดินออกกำลังให้ได้อย่างน้อยหนึ่งหมื่นก้าวหรือห้าไมล์ขึ้นไป

นี่ก็เป็นวิธีหนึ่งของคำขวัญที่ว่าปัญหาทุกอย่างมีทางแก้image20150728-2 (2)

อาตมาเคยฟังอาจารย์สมทรง บุญญฤทธิ์ อดีตอาจารย์สอนวิชาภาษาไทยและวิชาพระพุทธศาสนาโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยได้อธิบายเศียรของพระพุทธรูปไว้อย่างน่าฟังว่า  เวลาเรากราบพระพุทธรูป  มองพระพักตร์ของพระองค์ที่อิ่มเอิบเบิกบานและมองไปถึงพระเศียรจะเห็นว่ายอดของพระเศียรนั้นจะมีพระเมาลีแหลม รอบๆ พระเศียรจะเป็นพระเกศหรือพระเกศากลมๆๆ ซึ่งอาจารย์อธิบายความหมายว่า พระเกศกลมๆ นั้นเป็นสัญญลักษณ์สื่อถึง ปัญหา ส่วนพระเมาลีหรือพระโมลีที่แหลมขึ้นไปนั้นหมายถึงพระปัญญาคุณของพระพุทธเจ้า

เวลาที่เราตั้งใจกราบพระพุทธรูปด้วยจิตใจที่สงบเสมือนจะได้ยินพระสุรเสียงของพระพุทธเจ้าตรัสกับเราผู้กำลังก้มกราบว่า เมื่อใดที่มีปัญหา จงใช้ปัญญาแก้เถิด หรือถ้าทำความรู้สึกซึ้งๆ จะได้ยินพระสุรเสียงที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาอันอบอุ่นว่าเมื่อมีปัญหาใช้ปัญญาแก้นะลูกนะ

คำอธิบายตรงนี้สำคัญมากทีเดียว สิ่งที่จะแก้ปัญหาดีที่สุดคือปัญญาเพราะใช้ปัญญาแก้ปัญหาแล้ว ไม่มีผลข้างเคียงแต่ประการใด แต่วิธีการอื่นๆ นำมาแก้ปัญหาแล้วยังมีผล

ข้างเคียงตามมา

ถ้าติดตามข่าวการแก้ปัญหาชีวิตทางสื่อสารและโซเชียลมีเดียตอนนี้ เมื่อมีปัญหาหนัก คนนิยมฆ่าตัวตายกันมากขึ้น     แต่เมื่อแก้ปัญหาแล้วปรากฏว่ามีปัญหาตามมาเสมอ เช่น ชาวนาเป็นหนี้ฆ่าตัวตายหนีหนี้ กลายเป็นว่า พ่อบ้านฆ่าตัวตายไปแล้วแต่ลูกเมียต้องหาเงินปลดหนี้ต่อไป

ช่วงหลังๆ คนฆ่าตัวตายรอบคอบมากขึ้น  เวลาจะฆ่าตัวตายมักจะกินยาพิษให้ตายกันแบบยกครอบครัวไม่ต้องมีใครเหลือให้เผชิญทุกข์ต่อ แต่เพื่อนบ้านที่อยู่ข้างหลังต้องจัดการงานศพและเรื่อวราวต่างๆ กันอีก      เป็นอันว่าแม้ตายไปแล้วแต่ใช่ว่าปัญหาจะหมดไปตามผู้ตาย แต่ยังมีปัญหาค้างคาอยู่ให้คนอื่นต้องแก้ต่อไปเสมอๆ

นักโทษรายหนึ่งติดคุกมาสิบกว่าปี เพิ่งจะออกจากคุกมาเมื่อเดือนพฤษภาคมนี่เอง ออกจากคุกแล้วไม่รู้ว่าจะทำมาหากินอะไร ไม่ใช้ปัญญาไตร่ตรอง มุ่งหน้าค้ายาบ้าแสนกว่าเม็ด  คาดว่าทำงานครั้งเดียวรวย มีกินมีใช้ไปตลอดชีวิต แต่ไปไม่รอดถูกตำรวจจับได้คงต้องเข้าไปทำมาหากินในคุกไม่ต่ำกว่าสามสิบ หรือห้าสิบปีอีกเป็นแน่แท้

นี่คือการแก้ปัญหาตามสัญชาตญาณแห่งการอยู่รอดเท่าที่คิดได้โดยยังไม่ใช้ปัญญา

อีกรายหนึ่งเด็กอายุสิบสามปี พ่อทิ้งให้อยู่กับแม่กับพี่น้องอีกเจ็ดคนในแหล่งเสื่อมโทรมของกรุงเทพฯ    ไปโรงเรียนถูกเพื่อนดูถูกหยามหมิ่นว่าเป็นลูกคนจนไม่มีพ่อ รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกลับมาบ้านปรึกษากับแม่ๆ จึงสอนว่าลูกเอ๋ย  ถึงเรายากจนก็ไม่ต้องท้อถอย เมื่อเราจนเราต้องทำงานสุจริตหาเงินให้หายจน

แม่ไม่สอนลูกเปล่าๆ แต่ทำขนมให้ลูกมานั่งขายตามฟุตบาท ขายเรื่อยไปแปลงคำหมิ่นเหยียดหยามให้เป็นพลังฮึดสู้ ไม่นานเด็กคนนั้นและแม่ก็มีเงินกินขนมกินข้าวซื้ออุปกรณ์การเรียนที่จำเป็น

ฝ่ายแม่ก็ไม่ยอมแพ้ชีวิต ทำงานหนักทำงานมากชวนลูกๆ ลุยงานไม่ท้อแท้     นับว่าเป็นยอดคุณแม่จริงๆ เป็นแม่พิมพ์ตัวจริงเสียงจริงที่พิมพ์ลูกดีมีคุณธรรมออกมาสู่สังคม

จนอยู่มาวันหนึ่ง  มีคนไปซื้อขนมเด็กคนนี้แล้วนำมาลงเฟซบุ๊ค ใครๆ ก็สงสารพากันมาซื้อขนมอุดหนุนกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง บางคนซื้อขนมสิบห่อทิปเงินให้สามพันรางวัลความดีและขยัน ตอนนี้มีเงินหลายหมื่นบาทเก็บฝากธนาคารไว้  หวังว่าคงจะเป็นทุนของครอบครัวที่มีแม่ดีนำลูกทำมาหากินให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป

นี่คือตัวอย่างของการใช้ปัญญาแก้ปัญหาที่ไม่มีผลข้างเคียงอันจะสร้างปัญหาต่อไป ตรงกันข้ามมีแต่จะเจริญก้วหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป

เมื่อเผชิญปัญหาทุกครั้งอย่าลุกลี้ลุกลนแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ชั่ววูบ    แต่จะแก้ปัญหาด้วยปัญญาพิจารณาอย่างถ้วนถี่  แล้วปัญหานั้นจะหมดไปอย่างไม่เหลือเชื้อให้แก้อีก แต่ปัญหาจะกลายเป็นปุ๋ยแห่งความเจริญก้าวหน้าเข้ามาแทนที่ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังเผชิญปัญหา     จงพบทางสว่างที่ออกจากปัญหาอันแสนยากลำบากด้วยความปลอดภัยเถิด

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน 2558

เวลา 10:52 น.

วัดพุทธธรรมเมืองวิลโลบรูค อิลลินอยส์

ดร.พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ

เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา, วัดพุทธธรรมและวัดลอยฟ้า

www.buddhapanya.org & www.skytemple.org