Daily Archives: 07/01/2015

รู้แล้วทำเลย

รู้แล้วทำเลย

จิตแพทย์คนหนึ่ง สนใจวิชาสมาธิภาวนา มาขอภาวนาด้วย ก่อนจะได้ภาวนา คุณหมอได้สนทนาธรรมเกี่ยวกับการปฏิบัติที่อ่านมาจากตำราต่างๆ มากมาย    จนจัดว่า คุณหมอเป็นผู้มีความรู้ด้านภาวนาดีคนหนึ่งในวงการชาวพุทธทีเดียว

อาตมาพิจารณาแล้วว่า ผู้มีความรู้เช่นนี้ มีสมองเป็นเลิศ คิดเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว หากสนใจสมาธิภาวนาก็ควรได้ลงมือปฏิบัติให้มากกว่าจะชวนคิดชวนคุยต่อไปจึงนัดวันกันว่า ทุกวันจันทร์และวันศุกร์จะมาฝึกฝนการภาวนาด้วยกันตั้งแต่เวลา 9.00-10.00 น.

คุณหมอเป็นคนขยันมีระเบียบวินัยตรงต่อเวลาและเป็นผู้มีฉันทะและอิทธิบาทข้ออื่นๆ ครบถ้วนจริงๆ      สิ่งที่แสดงว่าคุณหมอสนใจการฝึกมากก็คือ เมื่อได้เวลาฝึก คุณหมอจะมาก่อนเวลาเสมอ มาถึงแล้วไม่รอช้าลงมือฝึกฝนกันเลยทีเดียว

การฝึกที่ว่านี้คือนั่งสมาธิ ต่างคนต่างนั่งหันหน้าเข้าหาองค์พระพุทธปฏิมา แล้วตั้งใจภาวนาเพื่อพัฒนาตัวรู้โดยมีลมหายใจเป็นหลักในการวางสติหรือในการที่สติจะเกาะติดสมกับคำว่าอานาปานสติ การใช้สติกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก

การลงมือปฏิบัติอย่างนี้คือการเข้าไปสู่ประสบการณ์การมีสติและการรู้สึกตัวทั่วพร้อมโดยตรง รู้สึกมากเท่าไร ก็เป็นสมาธิเท่านั้น ส่วนที่เผลอสติ ปล่อยใจให้ท่องเที่ยวไปในภพน้อยภพใหญ่เนิ่นนานแค่ไหน ก็ถือว่าไม่เป็นสมาธิ

นี่คือวิธีปฏิบัติที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องท่องจำมนต์บทใด ไม่ต้องรู้ภาษาบาลีที่ยากเย็นแต่ประการใด รู้เข้าไปตรงๆ เลย  เมื่อรู้ก็บอกว่ารู้ เมื่อไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ รู้ก็รู้ ไม่รู้ก็รู้ว่าช่วงใดไม่รู้ นั่นแหละเรียกว่า เจริญสติ คือ มีความระลึกรู้สึกได้

เมื่อฝึกฝนเสร็จก็ได้สนทนากันต่อ คุณหมอได้เล่าถึงความรู้สึกว่า การนั่งวันนี้สงบเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ ฟุ้งซ่านถึง 80 เปอร์เซ็นต์

อาตมาบอกคุณหมอว่า การเรียนรู้เริ่มบังเกิดแล้ว คือ สามารถรู้ว่าฟุ้งเท่าไร สงบเท่าไร สิ่งที่จะต้องทำต่อไปคือ ทำอย่างไรจึงจะเพิ่มความสงบจากเดิมขึ้นไปเรื่อยๆ

ไม่มีทางอื่นใดนอกจากฝึกฝนๆ ฝึกฝน เท่านั้น คุณหมอท่านได้ทราบแล้วไปฝึกต่อที่บ้านอีก

สัปดาห์ต่อมาคุณหมอมาฝึกอีกคราวนี้บอกว่า ฝึกได้ดีกว่าวันก่อนๆ ที่เคยฝึกมาเพราะฝึกที่บ้านหลายรอบๆ ละ 45 นาที ตอนนี้มีอาการเหมือนติดสมาธิ

อธิบายให้คุณหมอฟังว่า ไม่ติดสมาธิหรอก แต่เป็นการเพลิดเพลินในธรรม ใคร่ในธรรม มีความสุขในธรรม ดั่งคำที่ว่า ธัมมกาโม ภะวังโหติ แปลว่า ผู้ใคร่ธรรมเป็นผู้เจริญ ตอนนี้คุณหมอกำลังอยู่ในอาการใคร่ธรรม พยายามประคองอาการเช่นนี้ไว้

จะทำให้เกิดฉันทะในการภาวนายิ่งขึ้น เพราะทำสิ่งใดมีความสุขก็จะเพลิดเพลินกับการกระทำนั้น จะเป็นพลังขับเคลื่อนการภาวนาให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป

วันต่อมาหลังจากคุณหมอนั่งสมาธิภาวนาเรียบร้อยแล้ว ได้อธิบายความรู้สึกว่า เมื่อเช้าก่อนจะขึ้นมาภาวนาได้เห็นอุบาสิกาคนหนึ่งกำลังทำสวนอกไม้อยู่หน้าศาลาวัดพุทธธรรม รีบทักทายแล้วขึ้นมาเจริญภาวนา เริ่มภาวนาไปได้สัก 10 นาทีก็หวนกลับมานึกถึงพยาบาลคนนั้นว่า เคยทำงานกันมากี่ปี ทำอะไรบ้าง เธอเป็นคนดีอย่างไรบ้าง จนกระทั่งลืมพิจารณาลมหายใจไปเสียสนิทเลย

อาการอย่างนี้เรียกว่าอย่างไร

จึงอธิบายว่า นี่คือการเกิดขึ้น ของสัญญาขันธ์ และสังขารขันธ์ในขันธ์ห้า กล่าวคือ พอตาเห็นรูป วิญญาณขันธ์ก็ปรากฏ ตากับรูป เป็นรูปขันธ์ รู้สึกพอใจ เป็นเวทนาขันธ์ จำได้ว่าเป็ใคร เป็นสัญญาขันธ์ คิดแล้วคิดอีกเรื่องที่จำได้นั้นก็เป็นสังขารขันธ์ คิดวนไปเวียนมาไม่ยอมไปที่ไหนอื่นจัดเป็นสังสรวัฏฏ์ในสังขารขันธ์ คือเวียนไปเวียนมาไม่ออกไปไหนอยู่เป็นเวลานาน คิดไปคิดมาถ้าสักว่าคิดก็ไม่เป็นไรแต่ถ้ามีตัณหาและอุปาทานเข้าไปยึดมั่นถือมั่น ก็เป็นทุกข์ดั่งคำว่า สังขารา ปรมา ทุกขา ยิ่งคิดมาก ยิ่งเป็นทุกข์

หรือถ้านั่งคิดถึงคนๆที่ได้เห็นเป็นเวลานานๆ โดยลืมคิดถึงเรื่องอื่นทั้งหมด เท่ากับว่า สังขารขันธ์ หนึ่งในห้าขันธ์ กำลังทำงานอย่างเต็มที่ อันสอดคล้องกับบทกรวดน้ำของสวดมนต์แปลที่ว่า มีขันธ์ขันธ์เดียว กำลังท่องเที่ยวไปในภพน้อยภพใหญ่ คือ กำลังคิดถึงเรื่องใหญ่บ้าง เรื่องเล็กบ้าง อย่างกัดติดไม่เคลื่อนไปไหน

นี่คือประสบการณ์การศึกษาที่ผ่านการภาวนาจิตได้สัมผัสสัจธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงจากสภาวธรรมชาติที่แท้จริงแบบตรงๆ ไม่ต้องคาดคะเนอีกแล้ว คุณหมอเป็นนักวิทยาศาสตร์จึงได้สัมผัสพุทธธรรมตรงๆ ในภายในเมื่อเฝ้ามองด้านในอย่างนี้ เป็นประสบการณ์ตรงแล

สนทนาธรรมกันพอสมควรแล้ว คุณหมอก็กราบพระพุทธรูปในอุโบสถและกราบพระสงฆ์ที่ร่วมภาวนาด้วยอย่างน้อยอีกหนึ่งสัปดาห์จะได้มาพบกันเพื่อสร้างสรรส่งเสริมเพิ่มเติมความสะอาด ความสว่างและความสงบพบสันติสุขต่อไป

วัดพุทธธรรม เมืองวิลโลบรูค รัฐอิลลินอยส์

วันที่ 9 มิถุนายน 2558

ดร.พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ

เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา, วัดพุทธธรรมและวัดลอยฟ้า

www.buddhapanya.org & www.skytemple.org

 

 

ประชุมสมัชชาสงฆ์ฯปี 2558

ประชุมสมัชชาสงฆ์ฯปี 2558

การประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาประจำปี 2558 นับเป็นการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาครั้งที่ 39 ระหว่างวันที่ 12-13 มิถุนายน 2558 ณ วัดไทยลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้สิ้นสุดลงแล้ว

20150701-1 (2) ก่อนจะมีการประชุมสมัชชาสงฆ์ฯ ได้มีการประชุมสัมมนาเรื่องการเรียนการสอนศาสนาและภาษาไทยตามวัดต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาและวันต่อมาก็ได้มีการสัมมนาเรื่องพุทธศาสนาและสันติภาพโลก ซึ่งมีพระสงฆ์ผู้ทรงความรู้และคุณธรรมเข้าร่วมพอสมควร

การประชุมสัมมนาทางวิชาการนี้ถือว่า เป็นงานประชุมสัมมนาที่ได้เนื้อหาสาระพอสมควร มีพระธรรมทูตที่มาประชุมเข้าร่วมน้อยเพราะเพิ่งจะเดินทางมาถึง ยังต้องหาที่พักและจัดการเรื่องต่างๆ หลายๆ อย่างให้เข้าที่เข้าทางจึงยังมีความตั้งใจในการประชุมสัมมนาทางวิชาการน้อยไป

เช้าวันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2558 พระธรรมทูตจากส่วนต่างๆ ของโลกมาสัมมนาอย่างคึกคัก เมื่อลงทะเบียนเสร็จแล้วเข้าประชุมกันอย่างพร้อมเพรียงและพร้อมหน้า การประชุมในช่วงเช้ากระทำได้เพียงพิธีเปิดและฟังสุนทรพจน์ของพระมหาเถระและแขกผู้มีเกียรติพร้อมด้วยการถ่ายภาพหมู่ ต่อด้วยการฉันภัตตาหารเพลและพักผ่อนตามอัธยาศัย20150701-1 (7)

การประชุมภาคบ่ายเริ่มด้วยการพูดแสดงความคิดเห็นของพระมหาเถระระดับบริหารคณะสงฆ์จากประเทศไทยและประเทศอินเดีย มีพระนักเคลื่อนไหวทางการเมืองขาประจำที่ต่อสู้ขับเคี่ยวอยู่กับสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งประเทศไทยในประเด็นกว้างๆ ไม่ชี้ชัดลงไปว่าประเด็นไหนเป็นอย่างไร ไม่มีข้อสรุป ไม่มีมติ แต่พอจะจับภาพรวมกว้างๆ ว่าบัดนี้ภัยของพุทธศาสนามาถึงแล้ว แต่ก็ มิได้ชี้ลงไป20150701-1 (4)ว่า ภัยที่ว่านี้มีมาอย่างไร คืออะไร ผู้ที่พูดก็บอกว่าต้องช่วยกัน แต่ไม่มีการแนะนำว่าช่วยกันอย่างไร มีการบอกว่าเมืองไทยอยู่ในมุมมืด แต่ไม่ได้ชี้ว่าอะไรทำให้มืด อวิชชาใช่หรือไม่ ทั้งพระฝ่ายบริหารและฝ่ายเคลื่อนไหวพูดกันมาก สุดท้ายบทสรุปคล้ายๆ หาเวทีมาบ่นกันฟัง ไม่มียุทธศาสตร์ยุทธวิธีแต่อย่างใด จากนั้นก็เงียบไม่มีการพูดถึงอีกเลย

พ้นจากเรื่องนี้แล้วก็นำเรื่องอื่นๆ ที่ไม่มีในวาระเข้ามาแทรกชนิดที่ว่า คิดอะไรขึ้นมาได้ก็ใส่เข้าไปทันทีทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าท่านประธานจะชี้ให้ใครพูด

เวลาผ่านไปถึง 18.00 น. ท่านประธานจึงปิดประชุมนัดประชุมใหม่อีกครั้งเวลา 19.30 น.     เริ่มเข้าวาระการประชุม ภาคค่ำส่วนใหญ่เน้นไปที่การประชุมเรื่องการบริหาร จัดการเรื่องการเรียนการสอนบาลีในประเทศสหรัฐอเมริกาจนถึงเวลา 22.00 น.จึงปิดประชุม

วันที่ 13 มิถุนายน 2558 เริ่มประชุมตั้งแต่ตอนเช้าเวลา 8.30 น. เนื้อหาในการประชุมเป็นเรื่องการเสนอรายชื่อพระธรรมทูตใหม่เข้าไปสู่สมัชชาสงฆ์ไทยในประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ไม่มีความพร้อมจึงผ่านไป   20150701-1 (5)  ต่อมาก็พูดเรื่องกองทุนพระภิกษุอาพาธพอเห็นรูปเห็นร่างได้เรื่องได้ราวบ้างแล้วผ่านไป

เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ วันที่ 10 มิถุนายน 2559 จะมีการประชุมสมัชชาสงฆ์ที่วัดสุทธาวาส เมืองริเวอร์ไซด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย

จากนั้นก็เป็นรายการประจำคือ ฟังท่านโสบิน โสปาโกโพธิ เล่าความหลังครั้งเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาใหม่ๆ เมื่อสี่สิบปีที่แล้วและร่วมกันตั้งสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา นับเป็นประวัติศาสตร์ที่ต้องจดจำ      ท่านเดิทางเข้ามาสอนกัมมัฎฐาน แต่ยังสงสัยเรื่องราวทางโลกบางประเด็นที่ที่ท่านไม่มีประสบการณ์จึงตัดสินใจสละสมณเพศสึกออกไป ซึ่งทำให้พระสงฆ์ทั้งหลายตั้งคำถามกันว่าเป็นถึงพระวิปัสสนาจารย์ผู้องอาจแต่ยังข้ามวิจิกิจฉามิได้ วิปัสสนาที่ท่านเรียนและสอนมาเป็นเช่นไร หรือ ข้ามสมถะแล้วไปเรียนวิปัสสนาโดยมิได้จัดการนิวรณ์ให้ราบคาบเสียก่อนแล้วไปดูการเกิดดับ ของนามรูปเป็นลำดับไป

นี่ก็เป็นเสียงสะท้อนจากพระภิกษุที่มิได้เป็นวิปัสสนาจารย์แต่ท่านสามารถอยู่ทนทานในพรหมจรรย์ได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน

ท่านมีเรื่องพูดมากมายแต่เวลาหมดเสียก่อน ท่านประธานเลยขอให้ท่านไปฉันเพลก่อนถ้ามีอะไรยังคั่งค้างนิมนต์ภาคบ่ายต่อไป

อาหารเพลอุดมสมบูรณ์เพราะเมื่อประชาชนได้ทราบว่า จะมีการเลี้ยงภัตตาหารเพลพระก็หลั่งไหลมาเลี้ยงกันทั่วทุกทิศอย่างพอเพียงและเหลือเฟือ พระสงฆ์ฉันภัตตาหารเพลแล้วพักผ่อนตามอัธยาศัย  ก็เดินมาเยี่ยมเยือนซุ้มแจกหนัง20150701-1 (6)

สือของวัดพุทธปัญญาและวัดอตัมมยตา ซึ่งต่างก็มีหนังสือมาแจกกันอย่างมากมาย แจกกันไม่หมดเพราะพระธรรมทูตทั่วไปท่านก็รู้สึกตัวว่าเก่งแล้วจะมาอ่านหนังสือแจกอย่างนี้ก็กระไรอยู่ เลยเดินมามองแล้วผ่าน       แต่พระสงฆ์ที่มาจากเมืองไทยล้วนรับแจกหนังสือกันไปคนละหลายเล่มอย่างน่าชื่นใจ

ได้เวลาประชุมภาคบ่าย พระสงฆ์ทั้งปวงก็เข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียงกันอีก เรื่องที่จะปรึกษาหารือก็หมดแล้ว  ก็นิมนต์พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่จากเมืองไทยหลายรูปขึ้นปราศัยแก่ผู้เข้าร่วมประชุม ได้ข้อคิดดีเหมือนช่วยเติมไฟการทำงานให้แก่พระธรรมทูตที่ทำหน้าที่มานานได้มีพลังใจลุกขึ้นมาทำงานด้วยความสดชื่นเบิกบานต่อไป

20150701-1 (7)วลาประมาณ 16.00 น. พระพรหมสิทธิ มีหน้าที่กำกับดูแลพระธรรมทูตต่างประเทศ ได้ทำพิธีปิดงานประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาประจำปีพุทธศักราช 2558

โดยกล่าวชื่นชมพระธรรมทูตทุกคนที่ขวนขวายทำหน้าที่ด้วยความยากลำบากจนสามารถขยายวัดไปทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาได้ถึง 110 วัดภายในเวลา 40 ปี ซึ่งถือว่าเป็นการกระจายตัวของวัดไทยที่มีนัยสำคัญ จึงขอขอบคุณพระธรรมทูตทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ที่เสียสละกำลังกายกำลังใจกำลังความรู้และความสามารถในการสร้างวัดให้กระจายไปทั่วอเมริกา

การจัดงานประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาจบลงด้วยดี ด้วยการร่วมมือ ร่วมแรง และร่วมใจ ของพุทธบริษัททุกฝ่าย นับตั้งแต่คณะสงฆ์และพุทธบริษัทวัดไทยลอสแอนเจลิส คณะพุทธบริษัทจากวัดต่างๆในสหรัฐอเมริกาที่เสียสละเพื่อให้งานนี้ดำเนินไปด้วยดี

คณะพุทธบริษัทวัดพุทธปัญญาได้ร่วมกันทำโรตีถวายอาหารเช้าแก่พระสงฆ์และพุทธบริษัทที่มาร่วมงานประชุมระหว่างวันที่ 12-13 มิถุนายน 2558 ขออนุโมทนามา ณ โอกาสนี้20150701-1 (1)

หัวใจสำคัญของการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่พระสงฆ์ได้มาสมัครสมานสามัคคีกันศึกษาและเรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกันและกันนำความคิดเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ในขีวิตประจำวันให้เกิดประโยชน์แก่วัดและแก่ชุมชนของตนๆสืบไป

วันที่ 16 มิถุนายน 2558

เวลา 10.47 น.

วัดพุทธธรรมเมืองวิลโลบรูค รัฐอิลลินอยส์

ดร.พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ

เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา, วัดพุทธธรรมและวัดลอยฟ้า

www.buddhapanya.org & www.skytemple.org

 

 

การปฏิบัติธรรม

การปฏิบัติธรรม

บ่ายวันหนึ่ง อุบาสกท่านหนึ่ง เดินทางมาเยี่ยมที่วัดพุทธธรรม แล้วแนะนำตัวเองว่า ผมมาอยู่ที่ชิคาโก้หลายปีแล้วตั้งใจทำมาหากินจนลูกเรียนจบ แยกย้ายกันไปทำงานตามที่ต่างๆ ภรรยาเสียชีวิตปีที่แล้ว ผมชอบการท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ เพราะไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทอง ไม่มีห่วงกังวล จะไปไหนก็ไปได้ทันที        แต่ผมไม่ค่อยได้ไปวัดเพราะคิดว่าไม่จำเป็นจะต้องไปวัด เรื่องปฏิบัติธรรมจะปฏิบัติที่ไหนก็ได้ ท่านว่าผมคิดถูกไหมครับ

อุบาสกคนนี้คุยมาเสียนานต้องการให้อาตมายอมรับในสิ่งที่เรียกว่า การปฏิบัติธรรมที่ตนกระทำด้วยความคิดของตนว่าเป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง

เมื่อสบโอกาสที่อุบาสกเงียบเสียงลงชั่วคราว อาตมาจึงบอกอุบาสกคนนี้ว่า เบื้องต้นต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่า การปฏิบัติธรรมคืออะไร ต้องนิยามกันให้ชัดเจน เมื่อได้นิยามชัดเจนแล้ว ก็นำคำนิยามนี้ไปตรวจสอบว่า สิ่งที่ได้ปฏิบัติไปนั้นถูกต้องหรือผิดพลาดอย่างไร

การปฏิบัติธรรม คือ การปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติถูกต้องทางกาย วาจา และใจ เมื่อปฏิบัติลงไปแล้วไม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อน ก่อนปฏิบัติก็เป็นสุข กำลังปฏิบัติก็เป็นสุข ปฏิบัติแล้วก็เป็นสุข และเป็นเหตุแห่งความสุขทั้งในวันนี้และในวันข้างหน้า รวมถึงโลกนี้และโลกหน้าด้วย

จุดสำคัญแห่งการปฏิบัติธรรม คือ กาย วาจา และใจ ที่ใดมีกาย วาจาและใจ ที่นั้นเป็นสถานที่ที่พร้อมจะปฏิบัติธรรมได้เสมอๆ

หากที่บ้านมีการปฏิบัติชอบทางกาย วาจาและใจ ที่บ้านจะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมอย่างดี

หากขับรถด้วยการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามกรอบกฎหมายทางกาย วาจาและใจ ในรถก็เหมาะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม

หากที่ทำงานมีการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทางกาย วาจา และใจ ที่ทำงานก็เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการปฏิบัติธรรม

ในสถานที่อื่นๆ รวมถึงวัดวาอาราม ก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน ล้วนเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมได้ด้วยกันทั้งนั้น

อุบาสกถามต่อไปว่า ถ้าปฏิบัติธรรมที่บ้านได้แล้วไซร้ ทำไมคนทั่วไปจึงพากันมาวัดแทนที่จะปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้าน

เรื่องนี้อาตมาตอบแทนคนมาวัดไม่ได้ จริงอยู่แม้พวกเขาจะสามารถปฏิบัติธรรมที่บ้านได้ แต่การที่แต่ละคนมาวัดย่อมมีจุดประสงค์ของตนๆ ในการมาวัดเหมือนกัน

บางคนรู้สึกว่า พอมาถึงวัดจะได้ร่วมกิจกรรมของชุมชนของวัดซึ่งล้วนแต่ส่งเสริมการปฏิบัติธรรม เช่น การลดความเห็นแก่ตัวซึ่งเป็นรากฐานแห่งการปฏิบัติธรรมอื่นๆ ด้วย

หากใครมีเจตนาอันเป็นกุศลเช่นนี้ ก็เป็นอันหวังได้ว่าย่อมมาเพื่อการปฏิบัติธรรมเป็นแน่แท้ และวัดก็เป็นที่ปฏิบัติธรรมแน่นอน

20150701บางคนไม่สนใจธรรมะแต่ชอบมาวัดเพราะจะได้พบปะสังสรรค์เพื่อนฝูงที่ล้วนมาจากที่ต่างๆ วัดเป็นศูนย์รวมคนต้องการเพื่อนจากทั่วสารทิศ เป็นแหล่งแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ความรู้ต่างๆ และประสบการณ์ของกันและกันอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง

บางคนบางกลุ่มมาวัดเพื่ออวดมั่ง อวดมี อวดร่ำ อวดรวย ต้องการการยกย่องยอมรับของชุมชนหรือสังคมนั้นๆ หากเข้าไปวัดหนึ่งแล้วยังไม่ได้รับการยอมรับจากสมาชิกจนเป็นที่พอใจของเขา ก็จะร่อนเร่ไปวัดอื่นๆๆ ต่อไปจนกระทั่งได้สิ่งที่ปรารถนา

คนที่เข้าวัดด้วยเจตนาแบบนี้ไม่ว่าที่บ้าน ที่วัดหรือ ที่ไหนๆ ล้วนมิใช่สถานที่ปฏิบัติธรรมทั้งสิ้น

ส่วนบุคคลบางคนมีความปรารถนาจะทำดี พูดดี คิดดี มีความถูกต้องทางกาย วาจา และใจ บ้านหรือวัดก็เป็นสถานที่ควรแก่การปฏิบัติธรรมทั้งสิ้น

หากบุคคลเหล่านี้มาปฏิบัติธรรมที่วัด ก็ถือว่า เป็นการรวมคนดีที่ใฝ่ธรรมให้มีพลังมากยิ่งๆ ขึ้นไป      เพราะวัดทุกวัด ชุมชนทุกชุมชน สังคมทุกสังคม ล้วนต้องการให้คนดีรวมตัวกันมากๆ แล้วจะได้วัดดี ชุมชนดี สังคมดี มีพลังในการขับเคลื่อนกิจกรรมที่ดีงามมากมาย และจะได้ภาพพจน์ดีที่มีธรรมคอยนำทางสว่างไสวสวยงาม

วัดพุทธธรรม เมืองวิลโลบรูค รัฐอิลลินอยส์

23 มิถุนายน 2558

เวลา 14.51 น.

ดร.พระมหาจรรยา สุทฺธิญาโณ

เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา, วัดพุทธธรรมและวัดลอยฟ้า

www.buddhapanya.org & www.skytemple.org